กรุงเทพฯ – 14 มิถุนายน 2556 ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) จัดเสวนาวิชาการในหัวข้อ "เศรษฐกิจจีน: นัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกและโอกาสในการลงทุน" โดยเชิญผู้มีชื่อเสียงและมีประสบการณ์ทั้งชาวไทยและจีนมาร่วมกันเสวนา วิเคราะห์ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ห้องประชุม ชั้น 30 ธนาคารกรุงเทพจำกัด สำนักงานใหญ่ ถนนสีลม กรุงเทพฯ

ในงานเริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับโดยคุณชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพจำกัด (มหาชน) และปาฐกถาพิเศษโดย ฯพณฯ ก่วนมู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ฯพณฯ ก่วนมู่กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกคนกำลังจับตามองและให้ความสำคัญต่อประเทศจีน ในการประชุมสองสภาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายสี่ จิ้นผิงได้กำหนดแนวทางการปฏิรูปรวมถึงการประกาศความฝันของประเทศด้วย ปัจจุบันเศรษฐกิจของจีนมีความคึกคักและมีพลวัตรมากขึ้น ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้ปานกลาง ในปีนี้อัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจคาดการณ์ไว้ที่ 7.7%ต่อปีและมีการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและสม่ำเสมอ

หลายความเห็นในวงการโซเชียลมีเดียได้วิจารณ์ว่าเศรษฐกิจของจีนได้ผ่านจุดที่ขึ้นสูงที่สุดมาแล้วและกำลังจะค่อยๆถอยลง แต่ทางฯพณฯ ก่วนมู่ได้ให้ความเห็นต่อข้อวิจารณ์นี้ไปในอีกแนวทางหนึ่ง โดยท่านคิดว่าประเทศจีนได้เปลี่ยนแปลงจากการเป็นคนหนุ่มสาวที่มีกำลังมากคึกคักแข็งแรงกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีพลังมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยวัตถุประสงค์หลักของจีนคือต้องการสร้างความสุขให้แก่ประชาชนในประเทศเป็นสำคัญ นอกจากนี้จีนยังมีตัวเลขการนำเข้าสินค้าที่สูงมากซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนเปิดพื้นที่ประเทศเป็นตลาดขนาดมหึมา ทำให้หลายประเทศได้ใช้โอกาสนี้ในการทำธุรกิจและกระตุ้นเศรษฐกิจของตนเอง

จีนยังถือว่าตนเป็นสมาชิกสำคัญของครอบครัวอาเซียนถึงแม้จะไม่ได้ถูกรวมไว้ในแง่ภูมิศาสตร์ก็ตาม สำหรับไทยนั้นจีนก็มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นใกล้ชิด โดยจากตัวเลขล่าสุดจะพบว่าประชากรจีนนิยมมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากเป็นอันดับหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด โดยตัวเลขขยับจาก 1.2 ล้านคนมาอยู่ที่ 1.8 ล้านคนต่อปี จำนวนนักท่องเที่ยวจากต้นปีจนถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนไปแล้วทั้งหมด 1.5 ล้านคน

การเสวนาในครั้งนี้ มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด 4 ท่านให้เกียรติมาร่วมบรรยาย ดำเนินรายการโดยคุณสุวัชชัย ทรงวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) และทำการบรรยายใน 3 ภาษา คือ ภาษาจีนกลาง อังกฤษและไทย โดยมีหูฟังสำหรับล่ามแปลเพื่อบริการผู้เข้าร่วมงานด้วย

วิทยากรท่านที่หนึ่ง ได้แก่ คุณหลิว เจี้ยนเฟิง อดีตรัฐมนตรีฝ่ายบริหารกระทรวงการบินพลเรือนและอดีตผู้ว่าการมณฑลไห่หนานกล่าวถึงเศรษฐกิจจีนโอกาสและความท้าทาย โดยเน้นด้านการบินพลเรือนและการท่องเที่ยวในจีน ปัจจุบันจีนมีสนามบินเปิดใหม่หลายแห่ง มีจำนวนเครื่องบินที่เป็นทั้งของรัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น มีอัตราการขนส่งทางอากาศมากเป็นอันดับสามของโลก บุคลากรที่ทำงานในอุตสาหกรรมการบินก็มีจำนวนสูงมาก สมัยก่อนมีคนกล่าวว่าถ้าอยากรวยเร็วต้องสร้างถนน แต่ตอนนี้ต้องยึดคติว่าถ้าอยากมีความสำเร็จ อยากเปิดโลกต้องสร้างสนามบิน ตอนนี้สายการบินราคาถูกในจีนพัฒนามากขึ้น มีการเปิดเส้นทางการบินมากขึ้นเท่าตัวโดยเทียบกับปี ค.ศ. 2010 จำนวนนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มภายในประเทศถือเป็นจำนวนประมาณ 4% ของจีดีพีทั้งหมด สิ่งที่น่าสนใจคือขณะนี้ในจีนมีการใช้อินเทอร์เน็ตในการท่องเที่ยวหรือใช้มือถือในการหาข่าวสารแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้นจากเดิมเป็นจำนวนมาก

วิทยากรลำดับที่สองได้แก่ คุณสิง โฮ่วหยวน รองประธานสถาบันศึกษาวิจัยด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศ ปักกิ่ง ได้กล่าวถึงเศรษฐกิจจีนในแง่การก้าวไกลในตลาดโลก แผนยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจและการลงทุน ข้อดีของการลงทุนทวิภาคี (สองทาง) รวมถึงภาพรวมการลงทุนของทั้งสองประเทศไทยและจีนที่ผ่านมา โดยยกตัวอย่างการลงทุนของภาคเอกชนจากไทยที่เข้าไปบุกเบิกตลาดและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในประเทศจีน เช่น กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) หรือที่รู้จักกันในชื่อเจิ้งต้า (正大) รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆอย่าง ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น

ด้านวิทยากรลำดับที่สาม ได้แก่ คุณชาญวุฒิ โสภณพนิช หรือคุณเบอร์นาร์ด ชาน ผู้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาบริหารฮ่องกงและเป็นผู้แทนเขตฯที่ได้เข้าไปร่วมประชุมสภาประชาชนแห่งจีนในการประชุมสองสภาเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้มากล่าวถึงความรุดหน้าของเศรษฐกิจจีนและการปรับเปลี่ยนของฮ่องกง และวิทยากรท่านสุดท้ายได้แก่ คุณธนากร เสรีบุรี รองประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้มาแลกเปลี่ยนและเล่าประสบการณ์และบทเรียนในวงการการค้าและอุตสาหกรรมในจีน โดยเข้าไปบุกเบิกธุรกิจตั้งแต่ปีพ.ศ. 2522 จนถึงปัจจุบัน

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿

ภาพ: พันธสัญญา โชติธนพุทธิพงษ์