เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมประจำของคณะรัฐมนตรีจีนประกาศว่า จะยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีประกอบกิจการต่อวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดเล็กของจีนส่วนหนึ่ง นับเป็นการลดภาระให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอีกครั้งตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา มาตรการนี้ไม่เพียงแต่เป็นข่าวดีสำหรับวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดเล็กเท่านั้น หากยังส่งสัญญาณต่อตลาดว่า รัฐบาลชุดนี้จะใช้วิธีการทางการตลาด ลดภาระให้วิสาหกิจ และกระตุ้นแรงขับเคลื่อนภายใน
ที่ประชุมประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้เป็นต้นไป สำหรับวิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดเล็กที่มีมูลค่าการจำหน่ายรายเดือนไม่เกิน 20,000 หยวนนั้น จะยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีการประกอบกิจการและยังไม่จำกัดเวลายกเว้นภาษีด้วย ทั้งนี้จะทำให้วิสาหกิจเหล่านี้ใช้นโยบายภาษีเช่นเดียวกับธุรกิจส่วนบุคคล ทำให้วิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมกว่า 6 ล้านรายและพนักงานของวิสาหกิจเหล่านี้ได้รับผลประโยชน์โดยตรง
คาดว่า หลังจากดำเนินนโยบายดังกล่าวแล้ว ภาษีที่เก็บมาจากวิสาหกิจจะลดลงประมาณ 30,000 ล้านหยวนต่อปี สำหรับปีนี้ ถ้าคำนวนจากวันที่ 1 สิงหาคม จะลดภาษีประมาณ 12,000 ล้านหยวน
แต่นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า การคลังของจีนมีรายรับเพิ่มขึ้นลดลง ถ้าลดภาษีแก่วิสาหกิจขนาดย่อมและขนาดเล็ก อาจทำให้ข้อขัดแย้งระหว่างรายรับกับรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก นายจั่ว เสี่ยวเหลย นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทพันธบัตรหยินเหอชี้แจงว่า นโยบายการลดภาษีจะไม่เพิ่มภาระแก่รัฐบาล ตรงกันข้าม เมื่อพิจารณาจากระยะยาว ยังจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นแก่รัฐบาล "การใช้นโยบายการคลังเช่นนี้ภายในระยะสั้น ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "ลดภาษีเชิงโครงสร้าง"ของรัฐบาล คือใช้ตัวเลขแดงที่เหมาะสมของปัจจุบันผลักดันการพัฒนาของวิสาหกิจ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจเหล่านี้เสียภาษีมากขึ้นในอนาคต เพราะว่าเมื่อวิสาหกิจพัฒนา เศรษฐกิจทั่วประเทศก็จะดีขึ้น รัฐบาลจึงจะเก็บภาษีได้มากขึ้นด้วย ดังนั้น การเก็บภาษีในอนาคตน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงได้
Yim/Lr