ตั้งแต่ละครนี้เริ่มออกอากาศ ก็ทำให้มีคนสนใจมากมาย ไม่นานก็ได้ดึงดูดผู้ชมกว่า 100 ล้านคนรอคอยอยู่หน้าทีวีทุกวัน อีกทั้งยังแสดงความคิดเห็นทางอินเตอร์เน็ตอย่างคึกคัก บางคนคิดว่าเซี่ยเทียนน่ารักและฉลาด บางคนคิดว่า อวี๋กั่วไม่รับผิดชอบ เป็นพ่อที่ไม่ดี บางคนคิดว่า Tyler เป็นคนใจร้าย ที่แท้ ทีแรกอวี๋กั่วเป็นพ่อที่ไม่รับผิดชอบจริงๆ เวลาทีวีรับสัญญาณไม่ดี ก็ให้ลูกถือเสาอากาศเวลาไม่มีเงิน ยังถามครูว่า สามารถคืนค่าเทอมที่จ่ายไปแล้วของลูกได้หรือไม่ เพราะจะไม่ให้ลูกชายเรียนหนังสืออีกแล้ว อีกทั้งยังให้ลูกดื่มเบียร์ เพราะเขาไม่เชื่อว่าตัวเองมีลูกอายุ 6 ขวบแล้ว เขายังไม่พร้อม แต่หลังจากตรวจ DNA และยืนยันว่า เด็กคนนี้เป็นลูกชายของตัวเองจริงๆ เขาจึงเริ่มตื่นตัวขึ้น แม้ว่าตนเองไม่มีเงิน ก็ยังซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าแพงให้กับลูก ทำพิซซ่าและเค้กให้ลูกทาน เวลาเซี่ยเทียนเป็นไข้ คิดถึงคุณแม่ เขายังแต่งตัวเป็นผู้หญิง หลอกเซี่ยเทียนว่าคุณแม่มาแล้ว ความรักทำให้อวี๋กั่วเข้าใจว่าต้องเป็นพ่อที่รับผิดชอบ สุดท้ายอวี๋กั่วกล่าวที่ศาลว่า ไม่ว่าเขาทำอย่างไร ใจร้ายอย่างไร เซี่ยเทียนก็ไม่เคยละทิ้งเขา เซี่ยเทียนคอยให้โอกาสเขาแก้ไขข้อผิดพลาด แม้ว่าอยู่ร่วมกันเพียง 3 เดือน เซี่ยเทียนทำให้เขารู้สึกถึงความรัก ความรักไม่เพียงหมายถึงการอยู่ร่วมกัน ยังหมายถึงความเข้าใจและความอดทนด้วยซ้ำ

ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตยังบอกว่า ละคร "พ่อวัยละอ่อน" ทำให้ผู้ชมที่เกิดระหว่างปี 1980-1990 ซึ่งปัจจุบันเป็นพ่อและแม่ที่อายุยังน้อยหรือกำลังจะเป็นพ่อแม่คน เห็นกระบวนการเติบโตของตัวเอง ในขณะเดียวกัน ก็แสดงถึงความปรารถนาที่ให้คนกลุ่มนี้รับผิดชอบมากขึ้นต่อสังคม ในอีกด้านหนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญวิจารณ์ละครเรื่องนี้ว่าเป็นตำราเลี้ยงลูกที่ไม่ดี แต่นายเหวินจางบอกว่า การเปลี่ยนฐานะจากลูกของพ่อแม่มาเป็นพ่อของลูก ไม่ใช่เรื่องง่าย และบอกว่า ละครนี้ไม่ใช่ละครสอนเลี้ยงลูก แต่เพื่อแสดงการเติบโตครั้งที่สองของหนุ่มสาวหลังมีลูก เวลาที่ลูกสาวของเขาอายุประมาณ 1 ขวบ เขาก็คิดจะใช้ประสบการณ์ของหม่าอีลี่ ภรรยาของเขา เขียนเรื่องเกี่ยวกับแม่ แต่ทีหลังรู้สึกว่า พ่อที่ไม่รับผิดชอบอาจสนุกกว่า จึงเกิดละคร "พ่อวัยละอ่อน" ขึ้นมา