ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศญี่ปุ่นเริ่มอ้างว่า เกาะเตียวหยูเป็นอาณาเขตของญี่ปุ่นอย่างไร้สาระ ปฏิเสธว่า จีนกับญี่ปุ่นลงมติร่วมกันในปัญหาเกาะเตียวหยูให้ระงับข้อพิพาท แต่เวลานี้ ระบอบ"อาเบะ"กำเริบเสิบสาน พยายามเขียนมุมมองที่ละเลยข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์นี้ ลงในตำราเรียนญี่ปุ่น ปลูกฝังความคิดแก่เด็กญี่ปุ่น
เยาวชนญี่ปุ่น ไม่เคยเจอสงคราม ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพวกเขา ต้องเรียนมาจากวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียน ถ้าได้รับความคิดที่ผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ เยาวชนเหล่านี้จะอยู่ร่วมอย่างสันติกับประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียได้อย่างไร
จริง ๆ แล้ว การแก้ไขตำราเรียน การเยี่ยมชมศาลเจ้ายาสุคุนิ การกำหนดนโยบายต่างประเทศใหม่ในด้านการรักษาความปลอดภัย การแก้ไขรัฐธรรมนูญล้วนเป็นเรื่องที่มีนัยว่า ระบอบ"อาเบะ"เริ่มให้ประวัติศาสตร์ถอยหลัง เป็นวิธีใหม่ในการสร้างลัทธิทหารนิยม
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ที่ประชุมประเมินตำราเรียนที่จัดโดยกระทรวงศึกษาธิการได้ผ่านโครงการปฏิรูป ให้เขียนความคิดเห็นรวมของรัฐบาลญี่ปุ่นในด้านประวัติศาสตร์และอาณาเขตลงในตำราเรียนญี่ปุ่น และคุกคามว่า จะไม่อนุมัติให้พิมพ์ตำราเรียนที่"ฝ่าฝืนการศึกษาแบบชาตินิยม" เพื่อไม่ให้ตำราเรียนที่ยอมรับว่ามีการรุกรานในประวัติศาสตร์ และสะท้อนประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งนั้นปรากฏอยู่ ดังนั้น หลายคนอาจจะเกิดคำถามว่า ญี่ปุ่นควรบรรจุเนื้อหาอะไรลงในตำราเรียน ควรเขียนอะไรลงในหนังสือประวัติศาสตร์
เรื่องที่น่าดีใจก็คือ คนญี่ปุ่นที่มีความรู้และความเข้าใจ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของระบอบ"อาเบะ" นักวิชาการญี่ปุ่นบางคนคิดว่า ควรจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อผลักดันสำนักพิมพ์ให้เขียนความจริงทางประวัติศาสตร์ลงในหนังสือ ให้เด็กญี่ปุ่นเข้าใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นให้มากขึ้น
การปฏิเสธประวัติศาสตร์เป็นการกระทำที่ไม่ฉลาด ระบอบ"อาเบะ"ปฏิเสธและท้าทายกติการะหว่างประเทศหลังสงคราม ทำให้ญี่ปุ่นยากที่จะยืนในท่ามกลางการประณามของสังคมโลก สูญเสียพื้นฐานในการปรองดองกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย ในที่สุด ก็จะเกิดความเสียหายแก่ญี่ปุ่นเอง
Patt/In