วันที่ 5 มีนาคม 2557 นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวรายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบปีที่ผ่านมาว่า จะต้องเร่งสร้างเขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหม เส้นทางสายไหมทางทะเลในศตววรษที่ 21 และสร้างระเบียงเศรษฐกิจบังคลาเทศ จีน อินเดียและเมียนมาร์ รวมทั้งระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน เร่งสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
ด้านตัวแทนนักธุรกิจจีนที่เข้าร่วมการประชุมสองสภาครั้งนี้ แสดงความมั่นใจต่อการพัฒนาตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจะขยายการติดต่อทางเศรษฐกิจและการค้าใหม่มากยิ่งขึ้น
นางเหว่ย เฟยเยี่ยน สมาชิกสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติ ประธานกรรมการบริษัทยา ฮวาหงจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฮวาหงขายดีมากในเวียดนาม สามารถทำกำไรได้ 5 ล้านหยวนต่อปี ถือเป็นระยะแรกของการบุกเบิกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขั้นต่อไป ทางบริษัทจะรุกเข้าสู่ตลาดลาว เมียนมาร์และไทยเพิ่มขึ้น
นางเหว่ย เฟยเยี่ยนกล่าวว่า แสดงความมั่นใจในการขยายตลาดการค้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความร่วมมือของจีนและอาเซียน ทำให้เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนถูกปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น จึงเชื่อมั่นว่า ในอนาคตปัญหาการกีดกันทางการค้าจะน้อยลงมาก และจะไม่มีอุปสรรคในการชำระเงินด้วยเงินตราต่างประเทศ
นายหลี่ ซูฝู สมาชิกสภาปรึกษาการเมือง ประธานกรรมการกลุ่มจี๋ลี่ ผู้ผลิตรถยนต์ของจีนก็มีความมั่นใจต่อตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย เขาระบุว่า การแข่งขันในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ดุเดือดมาก รถยนต์ญี่ปุ่นมีสัดส่วนมากในตลาดนี้ จีนจึงต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างมากถ้าจะเข้ารุกเข้ามาสู่สนามแข่งขันทางการค้าด้วย เขาเชื่อว่า รถยนต์ของบริษัทในเครือจี๋ลี่ มีโอกาสเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากยิ่งขึ้นพร้อมไปกับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนที่แน่นแฟ้นและพัฒนาดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นักธุรกิจจีนยังเห็นว่า ในยุคสมัยใหม่การเข้าร่วมแข่งขันธุรกิจในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังต้องให้ความสำคัญต่อชาวจีนโพ้นทะเลและชาวจีนที่พำนักอยู่ในต่างประเทศ นอกจากนี้การสร้างเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 ควรพึ่งพาอาศัยชาวจีนในท้องถิ่น ขยายบทบาทการต่างประเทศและการค้าภาคเอกชนให้มากขึ้นด้วย
Nune/Lr