หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้ผ่าน "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย" เพื่อใช้แทน "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการส่งออกอาวุธ" โดยได้ปรับนโยบายห้ามส่งออกอาวุธเดิม นักวิจัยเห็นว่า ทั้งนี้จะเพิ่มโอกาสของวิสาหกิจยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่นในการได้รับใบสั่งจากต่างประเทศ ขนาดอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์ญี่ปุ่นจะขยายอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญที่ให้สัมภาษณ์กล่าวว่า การปรับเปลี่ยน "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการส่งออกอาวุธ" นั้น อันตรายมาก ซึ่งแสดงว่า ญี่ปุ่นเดินไกลยิ่งๆ ขึ้นตามแนวทางลัทธิทหารนิยม ย่อมจะทำให้ประเทศที่อยู่รอบข้างต่างกังวล

หนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุน ของญี่ปุ่นระบุว่า "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการส่งออกอาวุธ" และ "หลักการ 3 ประการว่าด้วยอาวุธนิวเคลียร์" เป็นพื้นฐานของนโยบายการรักษาความมั่นคงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของญี่ปุ่น การที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศ "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย" เพื่อแทน "หลักการ 3 ประการว่าด้วยการส่งออกอาวุธ" นั้นแสดงให้เห็นว่า พื้นฐานของนโยบายการรักษาความมั่นคงมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก "หลักการ 3 ประการ" ฉบับใหม่อธิบายคำว่า "ประเทศมีความขัดแย้งกัน" อย่างไม่ชัดเจน ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งออกอาวุธนิวเคลียร์ตามใจชอบ

หลังจากนายชินโซ อาเบะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอีกครั้ง เขาพยายามที่จะปรับปรุงให้ญี่ปุ่นกลายเป็น "ประเทศปกติที่สามารถก่อสงครามได้" โดยได้ให้โอกาสการพัฒนาวิสาหกิจยุทโธปกรณ์ นักวิเคราะห์เห็นว่า ข้อเสนอจากวิสาหกิจยุทโธปกรณ์ 60 แห่งของญี่ปุ่นกระทบถึงข้อตกลงของรัฐบาลและพรรคปกครองประเทศญี่ปุ่น

สำนักข่าวเกาหลีใต้เห็นว่า ตาม "หลักการ 3 ประการ" ฉบับใหม่ ญี่ปุ่นสามารถเพิ่มการส่งออกอาวุธ และเพิ่มความร่วมมือด้านการศึกษาบุกเบิกทางทหารกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ สร้างอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่

ผู้เชี่ยวชาญเยอรมันกล่าวว่า ลัทธิสันติภาพที่คึกคักของญี่ปุ่นนั้น เป็นคำพูดที่ไม่มีผลบังคับใช้อย่างสิ้นเชิง ปฏิบัติการของญี่ปุ่นจะทำให้มียุทโธปกรณ์จำนวนมากขึ้นในภูมิภาค และทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงง่ายขึ้นภายใต้สภาพวิกฤติ

In/Ldan