เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา การหารือเกี่ยวกับการฟื้นฟูเส้นทางสายไหมซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นการประชุมฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว 2014 จัดขึ้นที่มณฑลไห่หนาน (ไหหลำ) มีผู้นำจากจีน ไทย รัสเซีย ลาว ปากีสถาน และติมอร์ตะวันออกเข้าร่วมด้วย
ผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมตามข้อเสนอจากจีนเป็นแนวความคิดทางยุทธศาสตร์ที่ต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านร่วมกันชนะ การฟื้นฟูเศรษฐกิจจะเป็นความร่วมมือที่กว้างขวางและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น สร้างแนวคิดให้เป็นรูปธรรม ไม่ได้เป็นเพียงแค่ข้อมูลในอดีตเท่านั้น จะทำให้ประชาชนของประเทศที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์อย่างแท้จริง
นายหยาง เจี๋ยฉือ มนตรีแห่งชาติจีนกล่าวว่า เส้นทางสายไหมป็น
พยานหลักฐานที่พิสูจน์ให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ร่วมกันและอารยธรรมที่ยอดเยี่ยม เป็นต้นกำเนิดของความภาคภูมิใจวัฒนธรรมในสมัยโบราณ และเป็นตัวอย่างความสมานฉันท์ของประเทศต่างๆ ในเอเชียด้วย ข้อริเริ่มที่จัดตั้งเขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 จะเพิ่มความเชื่อถือและอำนวยประโยชน์แก่กันระหว่างประเทศในเอเชียและยุโรป
นายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว กล่าวว่าการฟื้นฟูเส้นทางสายไหมจะทำให้เอเชียกลายเป็นพลังสำคัญที่กระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจทั่วโลก สร้างความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุขแก่ประชาชนในภูมิภาค
นายลอร์ด แมนเดอร์สัน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์อังกฤษกล่าวว่า เส้นทางสายไหมทางทะเลมีความสำคัญต่อการพัฒนาของประเทศในภูมิภาค
นายอเล็กซานเดอร์ กาลุสก้า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนารัสเซียตะวันออกไกลกล่าวว่า เส้นทางสายไหมเชื่อมโยงกับทวีเอเชีย จะส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันของสองทวีป และจะผลักดันการพัฒนาอย่างหลากหลายของโลกด้วย
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรีไทยกล่าวว่า การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหมจะเป็นโอกาสเพิ่มการเติบโตเศรษฐกิจใหม่ของภูมิภาคนี้ในศตวรรษที่ 21
Nune/kt