หนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้ารายงานว่า วันที่ 16 เมษายนนี้ ที่กรุงโซล เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเปิดการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่การทูตระดับสูงเกี่ยวกับปัญหาสตรีเกาหลีใต้ถูกบังคับเป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

สื่อมวลชนเกาหลีใต้ส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่า การเจรจาครั้งนี้ยากที่จะมีความคืบหน้าใดๆ เพราะแต่ละฝ่ายมีจุดยืนที่แตกต่างกันมาก

ระหว่างการเจรจา ทั้งสองฝ่ายต่างย้ำจุดยืนของตัวเอง โดยผู้แทนของเกาหลีใต้กล่าวว่า เหยื่อและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนั้นต้องการให้ทางการญี่ปุ่นกล่าวคำขอโทษและชดเชยค่าเสียหาย ขณะที่ผู้แทนญี่ปุ่นยืนกรานว่า เรื่องนี้จบลงไปแล้วจากการจ่ายค่าสงครามแก่เกาหลีใต้ภายในกรอบสนธิสัญญาฟื้นฟูความสัมพันธ์หลังสงคราม ญี่ปุ่นจึงไม่ยอมรับผิดชอบด้านกฎหมายและจะไม่ยอมชดเชยค่าเสียหายอีก

วันเดียวกัน บรรดาสตรีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อในสงครามโลกครั้งที่สองร่วมกับองค์กรเอกชนจำนวนหนึ่งชุมนุมประท้วงบริเวณหน้าประตูที่ทำการ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้ โดยเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการเจรจากับญี่ปุ่นในเรื่องนี้ อีกทั้งต้องการให้รัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวขอโทษและชดเชยค่าเสียหายแก่เหยื่อนางบำเรอ

แกนนำผู้ชุมนุมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า อันที่จริงสนธิสัญญาฟื้นฟูความสัมพันธ์หลังสงครามที่เกาหลีใต้และญี่ปุ่นลงนามกันเมื่อปี 1965นั้นไม่มีเนื้อหาใดๆ เกี่ยวพันกับเรื่องสตรีเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอ ด้านญี่ปุ่นก็ไม่ยอมรับว่า เคยบังคับขู่เข็ญสตรีเกาหลีใต้ให้เป็นนางบำเรอ มิหนำซ้ำ รัฐบาลญี่ปุ่นชุดปัจจุบันยังจะแก้ไขคำแถลงของนายโยเฮ โคโนะ อดีตหัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีที่ประกาศเมื่อปี 1993 ที่มีเนื้อหาว่า ขอโทษและสำนึกผิดอย่างจริงใจต่อผู้ที่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดสุดพรรณนา ได้รับบาดแผลทางใจและทางกายที่ไม่มีทางรักษาหาย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเปิดการเจรจาระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นครั้งนี้จึงไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

นักวิชาการเกาหลีใต้หลายคนกล่าวว่า การชดเชยค่าเสียหายแก่

เหยื่อนางบำเรอเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ แต่จุดยืนของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างมาก จึงยากที่จะบรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ได้ ส่วนสาเหตุที่ญี่ปุ่นเสนอให้จัดการเจรจาครั้งนี้รวมทั้งกรณีที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงท่าทีเมื่อเร็วๆ นี้ว่า จะไม่ขอแก้ไขแถลงการณ์ของนายโยเฮ โคโนะนั้น คงเป็นเพราะว่าต้องการผ่อนคลายแรงกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากนายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐที่จะเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเร็วๆ นี้

(NUNE/cai)