สำนักข่าวแห่งประเทศจีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีลาวกล่าวที่กรุงเวียงจันทน์ว่า หวังว่าจะมีธุรกิจีนที่มีความสามารถไปลงทุนที่ลาวมากขึ้น ประตูลาวเปิดให้ธุรกิจจีนเสมอ
นายสมสะหวาด เล่งสะหวัด กล่าวว่า การที่นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนเสนอให้สร้าง "เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21" นั้น มีความหมายสำคัญยิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของผู้นำจีนที่พยายามร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในเอเชียเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ข้อริเริ่มของนายสี จิ้นผิงดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากสื่อมวลชนทั่วโลกด้วย
ในฐานะผู้นำประเทศที่ติดทะเลประเทศเดียวในบรรดาสมาชิกอาเซียน นายสมสะหวาด เล่งสะหวัดกล่าวว่า ในการเพิ่มการไปมาหาสู่ระหว่างจีนกับอาเซียน การติดต่อและเชื่อมโยงกันทางบกจะนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างมากต่อความร่วมมือระหว่างจีน-ลาว และจีน-อาเซียน
ขณะกล่าวถึงการสร้างทางรถไฟสายจีน-ลาวที่ต่างก็มีความสนใจนั้น นายสมสะหวาด เล่งสะหวัดกล่าวว่า แม้ว่าได้เริ่มพิจารณาโครงการนี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่โครงการรถไฟต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล เมื่อไม่นานมานี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวขณะพบปะกับนายทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาวว่า จีนยินดีที่จะเจรจากับลาวในข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการสร้างทางรถไฟระหว่างรัฐบาลสองประเทศ การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงนั้น จะนำมาซึ่งผลกระทบยาวไกลต่อการพัฒนาของลาว
ขณะกล่าวถึงการลงทุนในลาวของธุรกิจจีน นายสมสะหวาด เล่งสะหวัดกล่าวว่า รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีธุรกิจจีนจำนวนมากขึ้นลงทุนในลาวตั้งแต่ลาวดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา จีนเป็นประเทศผู้ลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของลาว จนถึงปัจจุบัน ธุรกิจจีนมีโครงการลงทุนหลายร้อยโครงการในลาว ยอดการลงทุน 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การลงทุนของจีนมีบทบาทอย่างยิ่งในการช่วยเพิ่มจีดีพีของลาว
นายสมสะหวาด เล่งสะหวัดกล่าวว่า ตั้งแต่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา ได้ประสบความสำเร็จอันใหญ่หลวง ธุรกิจจีนเริ่มใช้ยุทธศาสตร์สากลแล้ว ซึ่งมีธุรกิจจำนวนมากติด 500 อันดับแรกของโลก หวังว่า ธุรกิจใหญ่เหล่านี้จะไปลงทุนที่ลาว ประตูของลาวเปิดให้พวกเขาเสมอ
In/Ldan