การเยือนต่างประเทศ 10 ครั้งของนายสี จิ้นผิงแสดงถึงยุทธศาสตร์ และอุดมการณ์ด้านการต่างประเทศของจีน
  2014-10-09 11:30:16  cri

วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นวันครบรอบ 65 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน นับตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งชาติจีนครั้งที่ 18 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับผู้นำคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนคนอื่นๆ วางแผนสถานการณ์โดยรวมของการต่างประเทศจีน โดยพิจารณาจากสภาพที่เป็นจริง ความต้องการที่แท้จริงในการปฏิรูปสังคมจีน และระเบียบโลก โดยค่อยๆ กำหนดยุทธศาสตร์ และอุดมการณ์การต่างประเทศของจีนที่เหมาะสมตามกาลเวลา

ระเบียบโลก และตำแหน่งที่ตั้งของจีน

ยุทธศาสตร์ และอุดมการณ์การต่างประเทศของนายสี จิ้นผิงสอดคล้องกับระเบียบโลก และสภาพความเป็นจริงของจีนอย่างมาก

สาธารณรัฐประชาชนจีนกำเนิดในระบบยัลตาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ต้นปี 1945 เวลาเกิดการหารือปัญหาของจีน สหรัฐฯ กับโซเวียดตกลงกันว่า สหรัฐฯ สามารถเดินเรือ และทำธุรกิจในขอบเขตทั่วประเทศจีนได้ ส่วนโซเวียดมีสิทธิพิเศษที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะยึดท่าเรือหลี่ส้วน ท่าเรือต้าเหลียน และสายรถไฟจงตง จีนจึงกลายเป็นเหยื่อที่สหรัฐฯ และโซเวียดแย่งชิงกัน

เมื่อสาธารณรัฐประชาชนจีนก่อตั้งขึ้น ประธานเหมา จื๋อตงวางแผนยุทธศาสตร์การต่างประเทศจีน ค่อยๆ ทำให้แผนการแย่งชิงจีนของสหรัฐฯ และโซเวียดล้มเหลว ก่อนสงครามเย็นสิ้นสุดลง นายเติ้ง เสี่ยวผิงเริ่มการปฏิรูประบบการตลาดของจีน จนกระทั่งวันนี้ จีนกลายเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ได้สร้างระบบอุตสาหกรรมอย่างสมบูรณ์ของตนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ทว่า จีนที่พัฒนาจากประเทศอ่อนแอเป็นประเทศเข้มแข็งนั้นต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ คือมหาประเทศบางประเทศไม่ชื่นชอบจีนที่เติบโต ส่วนประเทศกำลังพัฒนาก็มีข้อสงสัยต่อจีนว่า จะมองตัวเป็นใหญ่หรือเปล่า

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่นายสี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีน เขาได้เยือนต่างประเทศครบ 10 ครั้ง รวม 28 ประเทศทั้งในทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรป อเมริกาเหนือ และอเมริกาใต้ โดยได้วาดแผนที่ภูมิศาสตร์การเมืองที่แสดงถึงตำแหน่งที่ตั้งของจีนบนเวทีโลก และได้กำหนดยุทธศาสตร์การต่างประเทศที่แสดงถึงเอกลักษณ์พิเศษของจีนเอง

ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2013 จนถึงปัจจุบัน เพียง 1 ปีครึ่ง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และประเทศยุโรป ประเทศในเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลาง ตลอดจนประเทศแอฟริกาและลาตินอเมริกา

การเยือนดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและไม่เปลี่ยนแปลงของจีน คือ เนื่องจากจีนเข้มแข็งยิ่งขึ้น จีนจะต้องดำเนินการปรับปรุง กระชับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับประเทศใหญ่ประเทศอืนๆ ขจัดความเข้าใจผิดระหว่างกัน หารือประเด็นทั่วโลกมากยิ่งขึ้น ทำหน้าที่ในระดับสากลมากยิ่งขึ้น อีกด้านหนึ่ง จีนต้องยืนหยัดในฐานะประเทศกำลังพัฒนา แก้ข้อสงสัยต่างๆ จากประเทศรอบข้างและประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ด้วยท่าที่ที่ชัดเจนและใช้ปฏิบัติการจริง

ถ้าหากการไกล่เกลี่ยความสัมพันธ์กับประเทศใหญ่เป็นการปรับปรุงสถานภาพใหม่ การเยือนประเทศรอบข้างและการติดต่อกันของประเทศกำลังพัฒนาของนายสี จิ้นผิงจึงเป็นการแสดงหลักการและจุดยืนที่จีนยืนหยัดมาโดยตลอดตั้งแต่จีนใหม่สถาปนาขึ้น ทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของจีนที่ว่า ตัวเองอยากได้ต้องให้คนอื่นได้ด้วย และยังแสดงให้เห็นถึงประเพณีการต่างประเทศของจีนรูปบบใหม่ เช่นหลักการ 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

ในการเยือนต่างประเทศ 10 ครั้งที่ผ่านมา กว่าครึ่งหนึ่งที่ได้เยือนประเทศรอบข้างในเอเชียกลาง เอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการสร้างยุทธศาสตร์ "เขตเศรษฐกิจตามเส้นทางสายไหม" และ "เส้นทางสายไหมทางทะเลของศตวรรษที่ 21" ตลอดจนเยือนเกาหลีใต้และมองโกเลียเสมือนเยี่ยมญาติ

ในระหว่างการเยือน นายสี จิ้นผิงได้กล่าวปราศรัยหลายครั้ง โดยได้เผยแพร่ทฤษฏีการต่างประเทศของจีนเกี่ยวที่ว่า "เป็นมิตร ด้วยความจริงใจ อำนวยประโยชน์แก่กันและให้อภัยแก่กัน" แสดงความปรารถนาที่จะส่งเสริม "การแลกเปลี่ยนทางนโยบาย การเชื่อมต่อทางหลวง การอำนวยความสะดวกทางการค้า การหมุนเวียนทางเงินตรา และการเข้าใจระหว่างประชาชน"กับประเทศรอบข้าง ประสานความฝันของจีนกับความอยู่เย็นเป็นสุขของประชาชนประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน และยินดีให้ประเทศต่างๆ มาแบ่งปันผลประโยชน์การพัฒนาของจีนอย่างใจกว้าง ให้ประเทศรอบข้างมีจิตสำนึกเกี่ยวกับองค์ประกอบเดียวกันทางชะตากรรมมากขึ้น

นายสี จิ้นผิงยังให้ความสำคัญมากเช่นกันต่อประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกาและลาตินอเมริกา แสดงให้เห็นว่าจีนมีสถานภาพที่ต่างกันกับประเทศตะวันตก

ลักษณะภาพพจน์สากลของจีน

ในยุทธศาสตร์ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง การต่างประเทศของจีนไม่เพียงแต่เน้นการปฏิบัติการ ยังต้องเน้นการพูดด้วยเช่นกัน

หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลงแล้ว ในสังคมจีนมีกระแสการแสวงหาจุดร่วมกับประเทศตะวันตกมากเกินไป คนจีนส่วนหนึ่งอยากสร้างภาพพจน์ของจีนด้วยรูปแบบการพูดจาของฝ่ายตะวันตก แต่ไม่ได้รับการชื่นชมและเคารพตามคาดหมาย ชาวตะวันตกส่วนหนึ่งตั้งข้อกังขาต่อจีนที่พัฒนาอย่างรวดเร็วว่า เมื่อก่อนเราพัฒนาอุตสาหกรรม ปัจจุบันจีนก็เป็นแบบเราแล้ว ถ้าอย่างนั้น หากเราขยายตัวไปสู่ข้างนอก จีนก็จะขยายตัวด้วยไหม?

ขณะสร้างภาพพจน์ของจีนนั้น หากเพียงเลียนแบบและพยายามหาจุดร่วมกับประเทศตะวันตก จีนย่อมจะพ่ายแพ้ เมื่อหวนนึกประวัติศาสตร์ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนไม่ได้ขึ้นสู่หนทางที่ "เลียนแบบฝ่ายตะวันตกโดยไม่มีจุดประสงค์" หากแต่ได้รักษาไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของจีนที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเองและปฏิเสธการพึ่งพาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งยั้งต้องแบกรับภาระอย่างหนักในการสร้างภาพพจน์ในระดับสากล

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2013 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวปราศรัยที่กรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยได้อธิบายความหมายของภาพพจน์จีนจากระดับยุทธศาสตร์เป็นครั้งแรก นั่นก็คือ ประเทศใหญ่ทางอารยธรรม ประเทศใหญ่ในฝ่ายตะวันออก ประเทศใหญ่ที่รับผิดชอบและประเทศใหญ่สังคมนิยม ได้กำหนดหลักการที่ถูกมองข้ามคือ เมื่อเทียบกับประเทศใหญ่ในฝ่ายตะวันตก ภาพพจน์ของจีนต้องมีลักษณะเด่นของตน

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนปีนี้ ในที่ประชุมรำลึกการประกาศหลักการ 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติครบรอบ 60 ปี นายสี จิ้นผิงได้เน้นถึงทฤษฏีโลกแบบจีนที่ต่างกับประเพณีของตะวันตก คือ "ประชาคมโลกกำลังกลายเป็นองค์ประกอบเดียวกันทางชะตากรรม บางประเทศร่ำรวยยิ่งขึ้น ส่วนบางประเทศยากจนและล้าหลังเป็นเวลานาน สภาพเช่นนี้จะยืดเยื้อต่อไปไม่ได้ ต้องพัฒนาร่วมกัน พร้อมๆ กับที่พัฒนาตนเอง ประเทศต่างๆ ควรส่งเสริมการพัฒนาร่วมกันกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้ผลของการพัฒนาเป็นประโยชน์ต่อประชาชนประเทศต่างๆ มากยิ่งขึ้น

 (Toon/cici/Lr)

 

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040