เมื่อคืนวันที่ 17 พฤศจิกายน นายโจโกประกาศปรับราคาน้ำมันให้สูงขึ้นอย่างเป็นทางการผ่านโทรทัศน์และวิทยุ การกระทำนี้คาดว่าจะประหยัดเงิน 120 ล้านล้านรูเปี๊ยะให้กับการคลัง หลายปีมานี้ อินโดนีเซียมีความต้องการมากขึ้นในการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียม เงินอุดหนุนของน้ำมันที่กินจำนวน 20%ของงบประมาณรัฐบาลนั้นเป็นภาระหนักของประเทศ นักวิเคราะห์เห็นว่า นายโจโกปฏิรูปในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องอ่อนไหว มีวัตถุประสงค์ใช้งบประมาณไปในด้านการศึกษา การรักษาพยาบาลและสิ่งปลูกสร้างขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชนยากจน
เนื่องจากถนนติดขัดและขาดแคลนไฟฟ้า การขนส่งสินค้าจากบริเวณตะวันออกที่สุดของอินโดนีเซียไปยังกรุงจาการ์ตา ต้องใช้ต้นทุนเป็น 3 เท่าเมื่อเทียบกับการขนส่งสินค้าจากนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนไปกรุงจาการ์ต้า ฉะนั้น สิ่งปลูกสร้างขั้นพื้นฐานที่ล้าสมัยทำให้ประชาชนไม่สะดวกอย่างยิ่ง และเป็นคอขวดจำกัดการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย รัฐบาลโจโกมุ่งที่จะผลักดันยุทธศาสตร์ "ทางหลวงทางทะเล" วางแผนจะสร้างทางหลวง 2,000 กิโลเมตร ท่าอากาศยาน 10 แห่ง ท่าเรือระดับโลก 10 แห่ง และเขตอุตสาหกรรม 10 แห่ง ปรับปรุงการคมนาคมทางบก ทางทะเลและทางอากาศให้เชื่อมต่อกัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการลงทุนในระยะยาวประมาณ 7,000 ล้านล้านรูเปี๊ยะ
เมื่อเร็วๆ นี้ นายโจโกกล่าวในที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกว่า อินโดนีเซียเป็นหมู่เกาะประเทศที่ใหญ่ที่สุดที่ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย อินโดนีเซียควรพัฒนาเป็นมหาประเทศทางทะเล ส่งเสริมความร่วมมือในด้านกิจการทางทะเลกับภูมิภาคและทั่วโลก ประกันสวัสดิการของประชาชน อินโดนีเซียจะเชิญชวนประเทศอื่นๆ ร่วมกันลดและยกเลิกการประมงโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ข้อพิพาททางดินแดน โจรสลัด และมลภาวะทางทะเล
แต่คนส่วนใหญ่ตระหนักว่า หนทางแห่งการปฏิรูปของนายโจโกจะไม่ราบรื่น การท้าทายที่รัฐบาลใหม่กำลังเผชิญอยู่คือ จะรักษาบรรยากาศการเมืองที่มั่นคง สุจริตและมีประสิทธิภาพสูงได้หรือไม่ นอกจากนั้น ปัจจุบัน การเติบโตทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซียไม่ค่อยดีเนื่องจากการส่งออกและการลงทุนล้วนลดน้อยลง
(Yim/Ping)