ส่วนประเด็นสำคัญของการเยือนไทยครั้งนี้สามารถสรุปได้ดังนี้คือ
1. ผลักดันการสร้างรถไฟ การติดต่อและการเชื่อมโยงส่วนภูมิภาค
นายกรัฐมนตรีทั้งจีนและไทยมีความเห็นเป็นเสียงเดียวกันเกี่ยวกับการสร้างรถไฟ และจะร่วมมือกันส่งเสริมการติดต่อการเชื่อมโยง
นายหลี่ เค่อเฉียงกล่าวว่า "การเดินทางมาไทยครั้งนี้จะร่วมการประชุมสุดยอดแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 5 และจีนกับไทยจะลงนามในบันทึกช่วยจำเพื่อความร่วมมือทางรถไฟและการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นผลงานขชิ้นสำคัญในการขยายความร่วมมือที่สร้างผลประโยชน์แก่กัน มีส่วนช่วยต่อการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานของภูมิภาค เร่งการติดต่อและการเชื่อมโยง บรรลุการขนส่งทางโลจิสติกส์ให้ราบรื่น และทำให้ให้ผู้คนไปมาหาสู่กันได้สะดวกยิ่งขึ้น"
พลเอกประยุทธ์ จันทรโอชากล่าวว่า การดำเนินความร่วมมือดังกล่าวมีความหมายสำคัญมากสำหรับประเทศไทย และมีส่วนช่วยต่อการพัฒนาการติดต่อการเชื่อมโยงส่วนภูมิภาค ไทยจะพยายามประสานกับจีน ปฏิบัติตามข้อตกลง และถือการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีนครบรอบ 40 ปีเป็นโอกาส ยกระดับความสัมพันธ์สองฝ่าย จีนได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ไทยก็ยินดีที่จะร่วมกับฝ่ายต่างๆ เร่งให้ความร่วมมือส่วนภูมิภาคมีผลคืบหน้ายิ่งขึ้นด้วย
2. ทางรถไฟจาก 300 กิโลเมตรเพิ่มขึ้นเป็น 800 กิโลเมตร
เส้นทางรถไฟที่จะสร้างขึ้นจะเชื่อมโยงจากจังหวัดหนองคายไปสิ้นสุดที่ตำบลมาบตาพุดจังหวัดระยอง ระยะทางประมาณ 800 กิโลเมตร เป็นรถไฟทางคู่สายแรกของไทย การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้ จะใช้วัสดุอุปกรณ์และเทคโนโลยีจากประเทศจีนที่มีคุณภาพและทันสมัย
3. สองฝ่ายต่างได้รับประโยชน์จากการสร้างทางรถไฟ
ถ้าเส้นทางรดไฟไทยเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงของลาว นักท่องเที่ยวและสินค้าของจีนจะสามารถขนส่งจากมณฑลยูนนานไปถึงภาคตะวันออกของไทยได้ ซึ่งก็จะช่วยให้การเติตโตของเมืองที่อยู่บริเวณรอบๆ เส้นทางรถไฟเติบโตขึ้น ในทางกลับกันก็อีกเป็นอีกหนึ่งบททดสอบศักยภาพการผลิตของจีน เพิ่มกำลังแข่งขันสินค้า Made In China
สำหรับประเทศไทย นอกจากความเร็วของรถไฟที่จะเพิ่มขึ้นจาก50 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็น 160-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้ว ยังสามารถทำให้สินค้าเกษตรของไทยสามารถส่งออกไปยังจีนและประเทศเพื่อนบ้านสะดวกยิ่งขึ้น (ซึ่งอาจสร้างรายได้สูงขึ้นถึงหนึ่งเท่าตัว) มีตลาดส่งออกที่มั่นคงรองรับ ลดผลจากการขายสินค้าที่อ้างอิงราคาสินค้าเกษตรสากล และดีต่อการรักษาสันติภาพและการพัฒนาของสังคมด้วย