สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า นิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์การเดินเรือและการบินลังกาวีนานาชาติเปิดฉากที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 17 มีนาคม แม้เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินอินโดนีเซียตกระหว่างซ้อมการแสดงก่อนหน้านี้ว่า ทว่าดาโต๊ะสรีนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังคงชื่นชมการจัดนิทรรศการปีนี้ เป็นงานที่มีความสำเร็จมากที่สุดเมื่อเทียบกับงานในปีอื่นๆ ตั้งแต่งานครั้งแรกเมื่อปี 1991
ดาโต๊ะสรีนาจิบ ราซัคกล่าวในพิธีเปิดงานว่า ตอนจัดนิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์การเดินเรือและการบินลังกาวีนานาชาติครั้งแรกเมื่อ 24 ปีก่อน เขายังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซีย ซึ่งได้รับคำสั่งจากดร.มหาฮาธีร์ โมฮาหมัด นายกรัฐมนตีสมัยนั้นให้เตรียมจัดงานครั้งแรก ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากมากกว่าหลายเท่าของการเตรียมจัดงานในปัจจุบัน เมื่อเทียบกับนิทรรศการการบินสากลที่ลือชื่อทั่วโลก แม้กระทั่งการจัดงานของสิงคโปร์ งานลังกาวียังมีความเหลื่อมล้ำอีกมาก แต่การที่ตลาดป้องกันประเทศของอาเซียนค่อยๆ ขยายตัวนั้น ดึงดูดผู้เข้าร่วมและผู้ชมจำนวนมากขึ้นทุกทีให้แก่นิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์การเดินเรือและการบินลังกาวีนานาชาติ
โดยเฉพาะในช่วงที่ภูมิภาคอื่นๆ ของโลกพากันลดงบประมานด้านการทหาร เอเชียกลับมีฐานะโดดเด่นยิ่งขึ้นในตลาดป้องกันประเทศของโลก นิตรยสาร Jane's Defence Weekly คาดว่า เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ความทันสมัยของกองทัพ และกรณีพิพาทเหนือทะเล รายจ่ายด้านการทหารของประเทศอาเซียนจะเพิ่มมากถึง 44,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2018 จากจำนวนเงิน 38,500 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน
ส่วนอุบัติเหตุของเครื่องบินอินโดนีเซียระหว่างซ้อมการแสดงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากจีน เพราะสถานที่เกิดเหตุใกล้กับที่จอดของเครื่องบินรบรุ่น J-10 ของจีน
นิทรรศการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์การเดินเรือและการบินลังกาวีนานาชาติครั้งนี้ดึงดูด 512 บริษัทจาก 36 ประเทศและภูมิภาคมาจัดแสดง ตัวเลขนี้มากเป็นประวัติการณ์ บริษัทการทหารของสหรัฐฯ รัสเซีย ฝรั่งเศสและอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกเทคโนโลยีป้องกันประเทศหลักๆ ต่างเข้าร่วมงานอย่างต่อเนื่อง ส่วนจีนก็ได้จัดให้บริษัท CPMIEC บริษัท CSTC และบริษัท CSOC ซึ่งเป็น 3 บริษัทใหญ่ค้าอาวุธของจีนจัดคณะไปร่วมแสดง
