นายเหลียง ซือเฉิงวัย 74 ปี แต่เขายังคงจำได้แม่นถึงที่เรื่องเขาได้มอบพวงมาลัยให้นายโจว เอินไหล อดีตนายกรัฐมนตรีจีนที่ไปร่วมประชุมบันดุง
เขากล่าวว่า รู้สึกโชคดีมากที่สามารถกลายเป็นสขีพยานประวัติศาสตร์ช่วงเวลานั้น สภาพของประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมการประชุมบันดุงมีความสลับซับซ้อน อย่างเช่นระบบสังคม จิตสำนึกและความเชื่อทางศาสนาที่ต่างกัน ข้อเสนอในปัญหาระหว่างประเทศที่สำคัญบางอย่างก็ไม่ค่อยเหมือนกัน เมื่อผู้ร่วมประชุมยังถกเถียงกันในปัญหาจิตสำนึกอยู่ นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหลของจีนก็แสดงจุดยืนของจีนว่า เรามาเพื่อแสวงหาจุดร่วม ไม่ใช่มาเพื่อแสดงจุดต่าง และเน้นว่า จีนยินดีสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในเอเชียและแอฟริกาอย่างเป็นปกติบนพื้นฐานของหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
นายเฉิน เจียชังวัย 84 ปี เป็น 1 ใน 3 ผู้สื่อข่าวสิงคโปร์ที่เคยรายงานข่าวการประชุมบันดุง ได้ทบทวนคำปราศรัยของนายโจว เอินไหลในที่ประชุมว่า
เวลานั้น มีบางประเทศยังคงประณามหรือมีข้อสงสัยต่อจีน ผู้ร่วมประชุมจึงสนใจว่า นายกฯ จีนจะตอบโต้อย่างไร แต่ในการประชุมวันที่ 2 คำพูดของนายโจว เอินไหลเหนือคาด ท่านกล่าวว่า เรามาถึงที่นี่ก็เพื่อคบหาเพื่อน ไม่ใช่มาทะเลาะกัน คำพูดนี้ทำให้บรรยากาศตึงเครียดในที่ประชุมผ่อนคลายทันที ผู้ร่วมประชุมมีความประทับใจจีนทันที และเห็นว่า จีนเป็นประเทศที่รักสันติภาพ คำประณามจีนของประเทศตะวันตกนั้นไม่น่าเชื่อ
หลังจากนั้น ด้วยการใช้ความพยายามร่วมกันของผู้ร่วมประชุม ที่ประชุมบันดุงได้ผ่านปฏิญญาเกี่ยวกับการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือของทั่วโลก เสนอหลัก 10 ประการที่ได้มาบนพื้นฐานของหลัก 5 ประการแห่งการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และกำหนดชะตาร่วมของประชาชนเอเชีย - แอฟริกาหรือเจตนารมณ์บันดุง คือ ต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม ลัทธิล่าอาณานิคม แสวหาจุดร่วม สงวนจุดต่าง และพัฒนาร่วมกัน หลังจากการประชุมบันดุงสิ้นสุดลง 10 ปี มี 36 ประเทศของเอเชียและแอฟริกาประกาศเอกราช
(In/Lin)