ไม่ต้องสงสัยว่า การนอนเป็นวิธีการที่ดี แต่ในสังคมปัจจุบัน เรามักนอนไม่หลับ หรือคุณภาพการนอนไม่ดี เช่น ตื่นง่าย ฝันเยอะ เป็นต้น สมาชิกแพทย์ของไต้หวันมีสถิติว่า ในไต้หวัน แต่ละวันมีประมาณ 5 ล้านคนต้องกินยานอนหลับ แพทย์เตือนว่า เวลานอน ไม่ควรวางมือไว้บนหน้าอก เพราะจะทำให้ฝันร้าย และก็ไม่ควรวางบนท้อง เพราะจะทำให้ร่างกายต้องแบกรับแรงกดดันมากยิ่งขึ้น การนอนถ้ายิ่งมีคุณภาพ แรงกดดันก็จะถูกขับออกไปยิ่งเร็วและยิ่งมาก แต่ไม่ควรรอถึงทั่วทั้งร่างกายเหน็ดเหนื่อยมากๆ ไปเข้านอน เพราะถ้าเหนื่อยมากเกินไป จะนอนไม่หลับ และจะทำลายตับด้วย

อีกอย่างหนึ่งคือไม่รับประทานอาหารที่จะทำให้สร้างแรงกดดันมาก เช่น อาหารที่มีรสจัด จะทำให้ประสาทตื่นตัวจนพักผ่อนไม่ได้ รวมถึงโค้กและเครื่องดื่มอัดลมอื่นๆ กาแฟ น้ำชา เหล้า บุหรี่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อทอดหรือมันๆ เลี่ยนๆ จะทำให้เกิดแรงกดดันมากที่สุด แต่ผัก ผลไม้และธัญพืชเป็นอาหารที่ช่วยคลายเครียดได้

ยังมีอีกอย่างหนึ่งสำคัญเช่นกัน คือ การยิ้ม เมื่อรู้สึกงานหนักมาก มีแรงกดดันมากๆ พยายามยิ้มออกมา จะได้ช่วยคลายความหงุดหงิด กลุ้มใจ คลายความเครียด และทำให้เราเป็นหนุ่มเป็นสาวมากยิ่งขึ้น อารมณ์ดีขึ้นทันที

งานวิจัยเกี่ยวกับร่างการมนุษย์เราว่ามีลักษณะเป็นกรดหรือด่างนั้น ได้ดำเนินมาหลายสิบปีแล้ว นักแพทยศาสตร์ญี่ปุ่นทำการทดลองพบว่า ผู้ป่วยมะเร็ง 100% ร่างกายมีลักษณะเป็นกรด นักเคมีชีวภาพชาวเยอรมนี ผู้ได้รับรางวัลโนเบลเห็นว่า การขาดออกซิเจนทำให้เซลล์ปกติกลายเป็นเซลล์มะเร็ง โดยน้ำในร่างกายที่มีลักษณะเป็นกรดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน ผลวิจัยปรากฏว่า มะเร็งไม่สามารถเกิดขึ้นในร่างกายคนที่มีลักษณะเป็นด่าง ถ้าพบมะเร็งแล้วแสดงว่า ร่างกายมีลักษณะเป็นกรด เมื่อร่างกายกลับมีลักษณะเป็นด่างแล้ว มะเร็งจะลามไม่ได้อีก ถ้าผู้ป่วยสามารถทำให้ความเป็นกรดและด่างมีความสมดุล และให้ร่างกายเป็นลักษณะด่างได้ ไม่ว่ามะเร็งชนิดใดก็หายเป็นปกติได้ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลว่าในครอบครัว พ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเป็นมะเร็ง ขอแต่ร่างกายคุณมีลักษณะเป็นด่าง คุณก็จะไม่เป็นมะเร็ง และถ้าคุณเป็นมะเร็งแล้ว ขอแต่ทำให้ร่างกายมีลักษณะเป็นด่าง มะเร็งก็จะหาย

ต่อไปจะแนะนำอาหารประเภทเป็นกรดและด่าง

มีความเป็นกรดสูง เช่น ไข่แดง ชีส ขนมหวาน น้ำตาลทรายขาว ปลาทูน่า

กรดระดับกลาง เช่น เนื้ออบ เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว ขนมปัง แป้งสาลี

กรดน้อย เช่น ข้าว ถั่วลิสง เบียร์ สาหร่าย ปลาหมึก ต้นหอมใหญ่

มีความเป็นด่างสูง เช่น องุ่น ใบชา เห็ดหอม ไวน์ ส้ม ลูกพลับ แตงกวา แครอท

ด่างระดับกลาง เช่น ถั่วเหลือง มะเขือเทศ กล้วย สตอเบอร์รี ไข่ขาว บ๊วยอบแห้ง มะนาวเลมอน

ด่างน้อย เช่น ถั่วแดง แอปเปิ้ล กะหล่ำปูรี เต้าหู้ สาลี่และมันฝรั่ง

อาหารที่เอร็ดอร่อยมากมายหลายอย่างจัดว่าเป็นอาหารกรด เช่น ปลา เนื้อสัตว์ ข้าวสวย เหล้าและน้ำตาล แต่ตรงกันข้าม อาหารที่ดูแล้วไม่ค่อยช่วยเจริญอาหารกลับเป็นอาหารด่าง เช่น สาหร่ายทะเล ผักสดและเต้าหู้ บางคนเห็นว่า อาหารรสเปรี้ยวจะเป็นอาหารกรด แต่เลมอน บ๊วย อาหารเหล่านี้เป็นอาหารด่าง

บางคนว่า รู้ได้อย่างไรว่าร่างกายเราตอนนี้เป็นแบบกรดหรือด่าง ต่อไปจะแนะนำวิธีตรวจเบื้องต้นแบบง่ายๆ ลองดูว่า ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ ร่างกายคุณน่าจะเป็นแบบกรดแล้ว ควรหาทางปรับปรุงแก้ไขหน่อย

1. ผิวพรรณไม่มีความยืดหยุ่น

2. มักมีสิวขึ้นในใบหน้า

3. เหนื่อยง่าย ชอบนอน ออกกำลังไม่เท่าไรก็เหนื่อย

4. อารมณ์ไม่ดี โกรธง่าย

5. กระเพาะอาหาร ลำไส้ ตับและไตไม่ค่อยแข็งแรง

6. มีปัญหาท้องผูก

7. ชอบรับประทานของหวาน และมีกลิ่นปาก

8. เท้าเหงื่อออกมาก แต่แขนขาเย็น

9. ในหน้าร้อนถูกยุงกัดมากกว่าคนอื่น

10. ภูมิต้านทานต่ำ เป็นหวัดง่าย

11. การนอนไม่ค่อยมีคุณภาพ ตื่นนอนแล้วรู้สึกไม่สดใส

ถ้าสอดคล้องกับอาการข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ร่างกายคุณเป็นแบบกรด

วิธีการเปลี่ยนลักษณะร่างกายให้เป็นแบบด่างมีหลายประการ

1. ไม่นอนดึก ถ้าตีหนึ่งยังไม่ได้เข้านอน ร่างกายจะเกิดสารพิษมากขึ้น ทำให้ร่างกายเป็นแบบกรด ดังนั้น แต่ละวันควรเข้านอนก่อนเที่ยงคืน และถ้าต้องนอนดึก ไม่ควรรับประทานเนื้อ ไม่งั้นจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

2. ไม่รับประทานอาการตอนดึก ถ้าหลัง 2 ทุ่มยังรับประทานอาหาร จะทำให้วันรุ่งขึ้นรู้สึกเหนื่อย และส่งผลกระทบต่อตับ และทำให้ร่างกายเป็นแบบกรด

3. รับประทานอาหารเช้า

4. ออกกำลังกายกลางแจ้ง เมื่อมีเหงื่อออก จะช่วยระบายสารพิษที่เป็นกรดออกจากร่างกาย

5. วางภาระทางจิตใจ อย่ากังวลเรื่องงาน เรื่องชีวิต ปัญหาทุกประการมีวิธีแก้ไขให้ตกได้ ไม่ต้องกังวลทั้งวันทั้งคืน จนทำให้น้ำในร่างกายเป็นกรดหมด เกิดมะเร็งขึ้น

นายจง หนานซาน ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ที่มีชื่อเสียงของจีนกล่าวว่า สุขภาพของคนเราขึ้นอยู่กับปัจจัย 5 ประการ พันธุกรรมจากพ่อแม่ครอบครัวมี 15% สิ่งแวดล้อมทางสังคมเป็น 10% สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเป็น 7% เงื่อนไขการรักษาพยาบาลเป็น 8% ส่วนวิถีทางการใช้ชีวิตมากถึง 60% ดังนั้น การมีความเคยชินในการใช้ชีวิตที่ดี จะทำให้เราสุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ และไม่เป็นมะเร็ง