ความคืบหน้าในคดีสำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่ง
  2015-07-19 16:46:16  cri
เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหวาออกรายงานข่าวยาวเรื่อง "ติดตามคดีสำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่ง" ระบุถึงผลคืบหน้าล่าสุดในการสืบสวนคดี ที่มีกลุ่มบุคคลทำการก่อกวนกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังความเสียหายแก่คู่กรณี สังคม วิชาชีพทนายความ และระบบการปกครองตามกฎหมาย

เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงรักษาความสงบจีนได้คลี่คลายคดีกลุ่มอาชญากรรมร้ายแรงที่ใช้สำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่งในการทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม ด้วยการสมคบคิดระหว่างทนายความ มือหนุน และ "ผู้ร้องเรียน" โดยได้ใช้มาตรการบังคับทางอาญาต่อนายโจว ซื่อเฟิง และทนายความอื่นๆ รวม 9 ราย ตลอดจนอีกหลายคน เช่น นายหลิว ซื่อซิน และนายอู๋ ก้าน ตามกฎหมาย

ทางการตำรวจสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2012 เป็นต้นมา นายโจว ซื่อเฟิง ผู้อำนวยการสำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่งพร้อมกับพรรคพวกได้ก่อคดีกว่า 40 คดีตามลำดับ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกระบวนการยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยทางสังคม

ผู้ต้องสงสัยในคดีหลายรายให้การสารภาพยืนยันว่า สำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่งเลือกรับเฉพาะคดีที่มีความละเอียดอ่อนโดยเฉพาะ หากคดีไม่ดังพอ ก็จะหาทางสมคบคิดกับผู้ช่วยในหน่วยงานปกครองต่างๆ เพื่อประโคมข่าวและสร้างคดีให้ใหญ่และร้อนแรงขึ้น

ระหว่างการเป็นตัวแทนว่าความในคดีหลายคดีโดยสำนักทนายความเฟิงรุ่ยปักกิ่งนั้น นายอู๋ ก้าน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประโคมข่าว โดยใช้วิธีการชูป้ายผ้าข้อความบริเวณนอกที่ทำการของศาล เพื่อสร้างผลกระทบทางสังคม และอีกด้านหนึ่งระดมชาวเน็ต "สืบค้น" ข้อมูลของหัวหน้าผู้พิพากษาทางเน็ต รวมถึงโพสต์ข้อความต่างๆ ที่แจ้งความและร้องเรียน เพื่อ "ทำลาย" ผู้พิพากษา

นอกจากนี้ สำนักทนายความเฟิงรุ่ยยังส่งทนายความไปขัดขวางการพิพากษาของศาลหลายครั้ง รวมถึงใช้วิธีด่าประจานหัวหน้าผู้พิพากษา ตำรวจประจำศาล และพนักงานของศาลด้วยคำหยาบคาย เป็นต้น

รายงานข่าวระบุว่า การประโคมข่าวโดยสำนักทนายความเฟิงรุ่ยมีแบบแผนที่ใช้เป็นประจำ คือ ขั้นตอนแรกทำการประโคมข่าวทางเน็ตเพื่อสร้างกระแสประเด็นร้อนขึ้น จากนั้นทำการรวบรวม "เงินบริจาค" โดยอ้างว่าเพื่อนำไปใช้เป็นทุนสนับสนุนทนายความและส่ง "ผู้ร้องเรียน" ไปเชียร์ในบริเวณนอกศาลที่ทำการตัดสินคดี

อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยที่พัวพันกับคดีหลายรายให้การว่า การรวบรวม "เงินบริจาค" จากประชาชนท้องที่ต่างๆ นั้น เป็นบัญชีที่ไม่ชัดแจ้ง กระทั่งตกเป็นวิธีหาเงินของบางคนด้วย ถึงแม้ระบุไว้ว่า มี "ผู้ประสานงาน ผู้ถือบัตร และผู้ตรวจสอบ" ก็ตาม แต่ที่จริงแล้วได้ไหลเข้ากระเป๋าส่วนบุคคลโดยมาก

เมื่อทำการสืบสวนคดีลงลึกอีกขั้น ทางการตำรวจยังพบเบาะแสว่า สำนักทนายความเฟิงรุ่ยมีส่วนพัวพันกับการหลบหนีภาษี การให้สินบน และการกระทำผิดกฎหมายอื่นๆ ส่วนนายโจว ซื่อเฟิงเองยังมีการกระทำผิดกฎหมายข้ออื่นๆ ด้วย

อาทิ ระหว่างการเป็นตัวแทนในคดีเมืองเอ้อเอ่อร์โตซือ นายโจว ซื่อเฟิงให้ผู้ว่าจ้างโอนค่าว่าจ้างจำนวน 1,000,000 หยวน และ ค่าเดินทางอีก 300,000 หยวนเข้าบัญชีของเขาเอง ส่วนค่าว่าจ้างอีกคดีหนึ่งของมณฑลเจียงซูจำนวน 300,000 หยวน และในคดีจากมณฑลเหอหนานจำนวน 700,000 หยวน ก็ล้วนให้โอนเข้าสู่บัญชีของเขาเอง

นอกจากนี้ ผลการสืบสวนในเบื้องต้นระบุว่า นายโจว ซื่อเฟิงยังมีส่วนพัวพันกับการให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐหลายคนเพื่อชนะคดีด้วย

มิหนำซ้ำ นายโจว ซื่อเฟิงยังต้องสงสัยว่าแต่งงานซ้อน โดยระหว่างการเป็นตัวแทนคดีรายหนึ่งนั้น คู่กรณีรายหนึ่งเป็นผู้ล้มหมอนนอนเสื่อเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร นายโจว ซื่อเฟิงจึงชวนภริยาของคู่กรณีรายดังกล่าวออกไปเที่ยว และบังคับให้มีเพศสัมพันธ์ จนมีบุตรสาวด้วยกัน 1 คน นอกจากนี้ นายโจว ซื่อเฟิงยังมีเพศสัมพันธ์ผิดกฎหมายกับสตรีอีกหลายคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กสาวจากภูมิลำเนาที่ญาติๆ ฝากให้เขาช่วยดูแลในกรุงปักกิ่ง

นายหวัง จิ้นสี่ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติศาสตร์และทนายความแห่งสมาคมนิติศาสตร์จีน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยศาสตร์แห่งทนายความแห่งมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายจีนระบุถึงคดีดังกล่าวว่า "ทนายความเป็นผู้ประกอบอาชีพด้านกฎหมาย จึงควรมีสำนึกรักษาระบบระเบียบของกฎหมาย ต้องเป็นผู้พิทักษ์รักษาไม่ใช่ผู้ทำลายระบบระเบียบของกฎหมาย"

(YIM/LING)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040