ความเป็นมาของเส้นทางสายไหม ตอนที่ 1 (2)
  2015-07-29 14:59:48  cri

ผ้าไหมมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวันของชาวจีนสมัยโบราณ มีชื่อเสียงโด่งดังที่ต่างประเทศด้วย ก่อนจีนส่งออกผ้าไหมไปยังยุโรป ชาวกรีซ และชาวโรมันผลิตเสื้อผ้าจากผ้าลินิน และผ้าขนแกะเป็นหลัก เมื่อชาวกรีซและชาวโรมันมีโอกาสใช้ผ้าไหมจีนที่มีลักษณะทั้งนุ่ม บาง เบา และมีสีสันหลากหลาย จึงรู้สึกชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง ตอนแรกๆ ที่จีนส่งออกผ้าไหมไปยังประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกของจีน ชาวตะวันตกถือผ้าไหมเป็นผ้าที่ดีที่สุด แต่เนื่องจากสมัยนั้น ต้นทุนผลิตผ้าไหมและภาษีศุลกากรในการนำเข้าผ้าไหมแพงมาก ทำให้ผ้าไหมในตลาดยุโรปมีราคาสูงเท่าทองคำ ด้วยเหตุนี้ แม้ในกรุงโรม ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเมืองและเศรษฐกิจของยุโรปในสมัยนั้น คฤหบดีผู้มีชาติตระกูล และสตรีผู้มีฐานะเท่านั้นจึงมีสิทธิ์ซื้อเสื้อที่ผลิตจากผ้าไหม การสวมใส่เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมนั้นกลายเป็นสิ่งบ่งชี้ถึงฐานะของเจ้าของ ในสมัยนั้น จักรวรรดิโรมันใช้งบในการนำเข้าผ้าไหมจากจีนปีละ 100 ล้านเงินโรมัน คิดเป็น 50% ของยอดการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทั้งหมด จึงถือเป็นภาระหนักของชาวโรมันในแต่ละปี ดังนั้น ชาวตะวันตกจึงหันมาเรียนรู้วิธีการเลี้ยงไหม สาวไหม และผลิตผ้าไหม อย่างไรก็ตาม เทคนิคการเลี้ยงไหมของจีนไม่ได้เผยแพร่ไปยังยุโรปโดยตรง แต่กลับเผยแพร่ไปยังเอเชียใต้ และเอเชียกลางก่อน โดยผ่านเขตเหอเถียนของจีน หลังจากนั้น จึงค่อยๆ เผยแพร่ไปยังประเทศต่างๆ ในยุโรป

ช่วงศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศกราช ชาวกรีซเรียกจีนเป็นประเทศ "เซรีส" ซึ่งหมายความว่า ประเทศที่เป็นแหล่งผลิต และค้าผ้าไหม

สารานุกรมเรื่องสรรพสิ่งในโลกที่เขียนโดยนายพลินี (ปีค.ศ.23-79) ได้เล่าถึงเทคนิคการผลิตผ้าไหมของจีนด้วย แต่เป็นการเล่าแบบจินตนาการ เช่น มีตอนหนึ่งเล่าว่า

"ผ้าไหมจีนผลิตจากใบไม้ในป่า ชาวจีนชอบรวบรวมใยขาวจากใบไม้ แล้วนำไปแช่ไว้ในน้ำ หลังทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ก็ค่อยๆ สาวใยขาวออกจากน้ำ เพื่อนำไปทอเป็นผ้า และผ้าที่ได้ก็คือผ้าไหม เนื่องจากได้ใช้เทคนิคที่มีความสลับซับซ้อน เนื้อผ้าจึงมีลักษณะนุ่ม บาง เบา และมีสีสันหลากหลาย ด้วยเหตุนี้ เสื้อผ้าที่ทำจากผ้าไหมจึงได้รับความนิยมมากจากผู้ดีตระกูลสูงและสตรีผู้มีฐานะในยุโรป "

เมื่อหลายปีก่อน มีการขุดพบโบราณวัตถุที่เป็นผ้าไหมจีนจากสุสานโบราณแห่งหนึ่งที่เมือง สตุทการ์ท ประเทศเยอรมัน ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผ้าไหมเหล่านี้เป็นของเมื่อ 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช นอกจากนี้ ยังมีการขุดพบโบราณวัตถุที่เป็นผ้าไหมจีนที่คาบสมุทรไครเมีย จากโบราณวัตถุเหล่านี้ และข้อมูลที่มีอยู่ในขณะนี้วินิจฉัยได้ว่า โบราณวัตถุที่เป็นผ้าไหมจีนเหล่านี้เป็นสิ่งของในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่า ก่อนนายเจียง เชียน นักการทูตจีน (ปี 164 - 114 ก่อนคริสต์ศกราช) เดินทางไปยังประเทศที่อยู่ทางทิศตะวันตกของจีน จีนก็ได้ส่งออกผ้าไหมไปยังประเทศตะวันตกแล้ว จึงสรุปได้ว่า สมัยนั้น ประเทศตะวันตกกับประเทศตะวันออกต้องมีช่องทางแลกเปลี่ยนบุคลากร และสินค้าอยู่แล้ว

ปัจจุบัน ในประเทศกรีซ รูปแกะสลักเทพเจ้าจำนวนมากยังคงได้รับ การอนุรักษ์ไว้อย่างดี รูปแกะสลักเสื้อผ้าของเทพเจ้าเหล่านี้ดูบางและเบามาก นักวิชาการจำนวนหนึ่งแสดงความเห็นว่า น่าจะเป็นผ้าไหมจีน ด้วยเหตุนี้ นักโบราณคดีจำนวนหนึ่งจึงคาดการณ์ว่า ศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศกราช ผ้าไหมจีนก็ได้รับความนิยมจากขุนนางผู้มีอันจะกินในกรีซแล้ว

ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ก่อนเกิดเส้นทางสายไหม ก็มีช่องทางแลกเปลี่ยนระหว่างเอเชียกับยุโรปอยู่แล้ว ปัจจุบัน นักโบราณคดียังไม่สามารถบอกให้ชัดว่า เส้นทางที่เชื่อมเอเชียและยุโรปดังกล่าวมีจุดเริ่มต้นที่ไหน สิ้นสุดที่ไหน และผ่านพื้นที่ไหนบ้าง อย่างไรก็ตาม จากผลการวิจัยด้านโบราณคดี และข้อมูลที่มีอยู่สรุปได้ว่า ในประวัติศาสตร์ ก่อนเส้นทางสายไหมเกิดขึ้น ต้องมีเส้นทางที่เชื่อมเอเชียกับยุโรปอยู่แล้ว ต่อมา เส้นทางนี้ได้ค่อยๆ พัฒนาขึ้นจนในที่สุดกลายเป็นเส้นทางสายไหมที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040