เมื่อเร็วๆ นี้ หนังสือพิมพ์กวางโจวรายงานว่า ปิดเทอมฤดูร้อนปีนี้ ที่แผนกศัลยกรรมโรงพยาบาล ผู้รอคิวกว่า 30% เป็นนักเรียนนักศึกษา โดยเฉพาะนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบและนักเรียนที่กำลังจะเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัย การที่บรรดานักเรียนนิยมทำศัลยกรรมนี้ เป็นเรื่องดีหรือไม่ กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมอีกครั้ง
เมื่อสำรวจความคิดเห็นทางอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่า มีคำตอบที่เหนือการคาด มีชาวเน็ตจำนวนไม่น้อยที่แสดงความคิดเห็นแบบยืนกลางๆ เช่น "การทำศัลยกรรมไม่สามารถเปลี่ยนพันธุกรรม" "คนเราต้องเรียนรู้วิธียอมรับตนเอง" เป็นต้น แต่ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากแสดงท่าทีเข้าใจและสนับสนุนให้นักเรียนทำศัลยกรรม อย่างระบุว่า ถ้าหากสวย จะได้เปรียบในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยและเข้าสังคัม แต่ต้องระวังความปลอดภัยด้วย
ถ้าเทียบกับหลายปีที่แล้ว การทำศัลยกรรมนั้น มีความก้าวหน้าอีกมากมาย และได้รับความยอมรับมากขึ้น แต่การทำศัลยกรรมนั้น ย่อมมีความเสี่ยงด้วย มีตัวอย่างมากมาย แต่ทำไมยังมีคนนิยมกันมาก จนกระทั่งเป็นกระแสในหมู่นักเรียนด้วยซ้ำ
ผู้สันทัดกรณีเล่าว่า รู้ไหมว่า ทำไมนักร้องชายคนนั้นแม้จะถูกจับจำคุกด้วยโทษยาเสพติดแล้ว แฟนยังยกโทษให้ ทำไมดาราหญิงคนนั้นมีโอกาสทำงานมากมายและสุดท้ายยังได้แต่งงานกับมหาเศษฐี ก็เพราะว่ามีหน้าที่หล่อและสวยนั่นแหล่ะ ส่วนทำไมบางคนแม้ว่าขยันเต็มที่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ก็เพราะหน้าตาไม่หล่อซิ
สรุปแล้ว ในสังคมปัจจุบัน มีการพิจารณาคนจากปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ ใบหน้า จนกระทั่งคำว่า "สังคมที่ดูแต่หน้า"กลายเป็นประโยคที่คนเสียดสีกัน แต่อย่างไรก็ตาม คำพูดนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความจริงทางสังคม แม้ว่าเรามักจะบอกว่า ความสวยงามทางใจสำคัญกว่าความงามภายนอก แต่บางทีเป็นเพียงคำพูดที่ทำให้สบายใจเท่านั้น แถมมีบางคนค้านว่า ถ้าคุณไม่มีความงามภายนอก ยากที่จะมีโอกาสให้คนอื่นรู้จักความงามภายในต่อไป ซึ่งก็อาจจะเป็นความจริงด้วย
นี่แหล่ะ ปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นมาใหม่ จะจัดกันอย่างไร การทำศัลยกรรมนี้ จะเป็นผลดีหรือผลลบในอนาคต คงต้องรอเวลาเพื่อพิสูจน์
In/Ping