สถานีวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า ค่ำวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติปีที่ 66 อย่างมโหฬารที่กรุงปักกิ่ง นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในงานว่า การพัฒนาเป็นแนวทางพื้นฐานในการกระตุ้นให้ประชาชาติจีนเจริญรุ่งเรืองขึ้น และการปฏิรูป เปิดประเทศเป็นต้นกำเนิดของการพัฒนา การพัฒนาของจีนต้องอาศัยการทำงานอย่างขยันขันแข็งและเอาจริง เอาจัง ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน หรือในอนาคต รัฐบาลและพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ต่อไป โดยจะขับเคลื่อนการพัฒนา ส่งเสริมการปฏิรูป เพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ยังได้สรุปผลสำเร็จในการพัฒนาประเทศในช่วง 66 ปีนับตั้งแต่สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นต้นมา โดยเฉพาะช่วงหลังดำเนินนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศ โดยกล่าวว่า ปัจจุบัน กำลังโดยรวมของประเทศชาติและบทบาทของจีนบนเวทีระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ประชาชนทั่วไปมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและมีโอกาสในด้าน ต่างๆมากขึ้น ขณะที่สังคมมีความก้าวหน้าเรื่อยๆ ผลสำเร็จดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษและวีรชนผู้พลีชีพเพื่อชาติเพื่อ ประชาชนอยากเห็น อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวจีนรู้สึกภาคภูมิใจยิ่ง
นายหลี่ เค่อเฉียง ยังกล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา เศรษฐกิจจีนเผชิญกับแรงกดดันขาลง แต่หลังจากรัฐบาลจีนปรับนโยบายเศรษฐกิจหลายประการ เศรษฐกิจเริ่มปรากฎแนวโน้มการเติบโตที่ดี ในฐานะเขตเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก ปัจจุบัน ยอดมูลค่าเศรษฐกิจของจีนอยู่ที่ 10,000,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บนพื้นฐานเช่นนี้ การรักษาอัตราเติบโตของเศรษฐกิจให้ไม่ต่ำกว่า 7%นั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ทำได้ง่าย เขาเน้นว่า เมื่อเผชิญกับทั้งโอกาสและการท้าทาย พรรคอคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนจะใช้นโยบายที่สอดคล้องกับความ ต้องการของประชาชนมากขึ้น การพัฒนานั้นเป็นภารกิจสำคัญอันดับหนึ่งของจีน จีนจะลงลึกการปฏิรูปในทุกด้านต่อไปอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ จะดำเนินยุทธศาสตร์การพัฒนาด้วยนวัตกรรมและการสร้างพลัง ขับเคลื่อนใหม่ จะเข้าร่วมการแข่งขัน และความร่วมมือระหว่างประเทศในทุกด้าน
ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่ได้รางวัลมิตรภาพ และสมาชิกครอบครัวของพวกเขาได้รับเชิญมาร่วมงานครั้งนี้เช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ แต่ละปี รัฐบาลจีนได้มอบรางวัลมิตรภาพให้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติที่ได้สร้างคุณูปการสำคัญต่อกระบวนการสร้างความทันสมัยของจีน ในปี 2015 มีผู้เชี่ยวชาญต่างชาติ 50 คนจาก 21 ประเทศได้รับรางวัลดังกล่าว
(IN/cai)
