เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดอาเซียนที่จัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซียเป็นเวลาสองวันได้ปิดฉากลง ผู้นำ 10 ประเทศอาเซียนประกาศจะร่วมเปิดประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการในปลายปีนี้ และร่วมกันสร้างประชาคมอาเซียนให้สมบูรณ์มากขึ้นใน 10 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ผู้นำ 18 ประเทศรวมทั้งเลขาธิการสหประชาชาติมีการปรึกษาหารือกัน เกี่ยวกับปัญหาภูมิภาคและระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายให้ความสนใจ ได้รับผลที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เป็นการปูทางที่ราบรื่นให้ความร่วมมือภูมิภาคเอเชียตะวันออกขึ้นสู่ขั้นใหม่
ประเด็นหลัก ๆ ของการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้อยู่ที่การจัดตั้งประชาคมอาเซียนและการพัฒนาของประชาคมอาเซียนในอนาคตซึ่งได้แก่ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงของภูมิภาค ความร่วมมือทางทะเล การรักษาสิ่งแวดล้อม การต่อต้านการก่อการร้าย ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย การเปลียนแปลงของภูมิอากาศ เป็นต้น มีการออกเอกสารที่มีผลบังคับใช้ 60 ฉบับ ส่งเสริมความร่วมมือภูมิภาคเอเชียตะวันออกให้ลุ่มลึกยิ่งขึ้นผ่านการประชุมทวิภาคีและพหุภาคี
วันเดียวกัน ผู้นำอาเซียนได้ลงนาม " ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยการก่อตั้งประชาคมอาเซียนปี 2015 " ประกาศก่อตั้งประชาคมอาเซียนอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคมปีนี้ ดาโต๊ะซรี นาจิบ ตุน ราซัก นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานการประชุมสุดยอดอาเซียนได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีปิดการประชุมว่า การประกาศก่อตั้งประชาคมอาเซียนจะเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค 48 ปีหลังจากก่อตั้งกลุ่มอาเซียนมานี้ กลุ่มอาเซียนได้รับความสำเร็จที่คนรุ่นก่อนไม่อาจจินตนาการได้ แต่นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
ฝ่ายต่าง ๆ ที่ร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนได้ประณามกลุ่มก่อการร้ายและกลุ่มหัวรุนแรง เสนอว่าต้องปราบปรามสาเหตุที่ทำให้เกิดลัทธิการก่อการร้ายอย่างสิ้นซากด้วยหลากหลายมาตรการ ขณะเดียวกันส่งเสริมการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านการก่อการร้าย มาเลเซียในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียนยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันรับมือปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ค้นหาวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ในระยะยาวให้ได้ นอกจากนี้ ผู้นำประเทศอาเซียนได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับปัญหาหมอกควัน เสนอข้อคิดเห็นว่า ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนต้องร่วมมือกันรับมือปัญหาไฟป่าและปัญหาหมอกควันอย่างมีประสิธิภาพ
( In /Zi )
