ชาวปารีสเพิ่งประสบเหตุโจมตีก่อการร้ายที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส ขณะนี้ จะต้องปรับใจเพื่อรับการมาเยือนของผู้นำจากประเทศต่างๆ ประมาณ 140 คนที่จะร่วมการประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายลอเรนต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศสระบุว่า ภายหลังเหตุก่อการร้ายกรุงปารีสและทำให้กว่า 130 คนเสียชีวิตผ่านไป 1 สัปดาห์ ไม่มีผู้นำของประเทศใดประกาศไม่เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมที่จะจัดขึ้นในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้

ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนจนถึงวันที่ 11 ธันวาคม การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้กรอบสนธิสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 21 จะจัดขึ้นที่กรุงปารีส ตามกำหนดการ ที่ประชุมจะบรรลุซึ่งข้อตกลงว่าด้วยภูมิอากาศทั่วโลกฉบับใหม่ มีการจัดการใหม่ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกหลังปี 2020 การประชุมครั้งนี้มุ่งแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนขึ้นที่กำลังคุกคามถึงชีวิตของมนุษยชาติ

ปัญหาที่ที่ประชุมครั้งนี้จะต้องเร่งแก้ไขมีอย่างน้อย 3 ประการ คือ

1.เงินทุน ตามข้อตกลง ประเทศพัฒนาแล้วควรให้เงินทุน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี 2010-2012 และในช่วงระหว่างปี 2013-2020 ให้ทุน 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เพื่อช่วยประเทศกำลังพัฒนารับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แต่ "กองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียว" ได้รับเงินทุนเพียง 9,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนถึงช่วงการประชุมมาลีเมื่อปีที่แล้ว ได้เงินทุนเพียง 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

2. ตั้งเป้าหมายระยะยาว การประชุมครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะในที่ประชุมจะต้องผ่านข้อตกลงระหว่างประเทศ เพื่อควบคุมไม่ให้อุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ สำนักเลขานุการ "กรอบสนธิสัญญา ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติ" กล่าวกับสื่อมวลชนว่า เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับคุณูปการด้านสภาพภูมิอากาศหลังปี 2020 ที่ประเทศต่างๆ ยื่นขึ้นก่อนการประชุมปารีสแสดงว่า ประชาคมโลกจะไม่สามารถบรรลุซึ่งเป้าหมายการควบคุมไม่ให้อุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียสได้

3. ฐานะทางกฎหมายของข้อตกลง สหรัฐฯ มีความเห็นมาโดยตลอดว่า จะไม่กำหนดในสนธิสัญญาระหว่างประเทศในเชิงกฎหมายว่า ในปี 2025 จะลดการปล่อยคาร์บอนประมาณ 26%-28% เมื่อเทียบกับปี 2005

Yim/LR