หมู่บ้านชนเผ่าเย้าบรรเลงเพลงใหม่ (2)
  2015-12-30 15:34:52  cri

หมู่บ้านชนเผ่าเย้าตุงหลงเหลียนสุ่ย มณฑลกวางตุ้งพัฒนาอุตสาหกรรมพื้นบ้านให้ประชาชนพ้นความยากจน

หมู่บ้านเหลียนสุย อำเภอปกครองตนเองชนเผ่าเย้ามณฑลกวางตุ้งเป็นถิ่นทุรกันดาร ก่อนปีค.ศ. 2008 หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชนเผ่าเย้าที่ยากจน เมื่อค.ศ. 2009 มณฑลกวางตุ้งเริ่มโครงการขจัดความยากจนได้ซ่อมถนนและปรับปรุงสิ่งแวดล้อมของทั้งหมู่บ้านด้วย ขณะเดียวกัน ทางการท้องถิ่นยังรณรงค์ให้ชาวนาอพยพจากภูเขาที่เคยอยู่มาอยู่ที่ตีนเขาและพัฒนาอุตสาหกรรมเพื้อนบ้านต่าง ๆ อาทิ ปลูกใบหม่อนเลี้ยงตัวไหม ปลูกชาน้ำมัน เปิดภัตตาคารและโรงเตี๊ยมพื้นเมืองด้วย พัฒนาจนหมู่บ้านเหลียนสุ่ยกลายเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมชนเผ่าเย้า ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงด้วย

นอกจากเปิดภัตตาคารแล้ว การปลูกใบหม่อนเลี้ยงตัวไหมก็ได้รับการพัฒนาอย่างคึกคัก นายถาง ย่ามู่กุ้ย ชาวนาที่เลี้ยงไหมประกอบอาชีพนี้มา 5 ปีแล้ว เขามีพื้นที่เลี้ยงตัวไหม 10 โหม่ว มีรายได้เพิ่ม 2-3 หมื่นหยวนต่อปี เขากล่าวว่า

ผมจะเลี้ยงตัวไหมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ปีละ 6 เดือน เมื่อย่างเข้าฤดูหนาน ใบหม่อนก็ทยอยร่วงหล่น โดยราคารับซื้อของปีนี้อยู่ที่กิโลละ 32 หยวน ขายให้บริษัทในอำเภอได้ จะเพิ่มรายได้ 25,000 หยวนต่อปี นอกจากนี้ เอาใบหม่อนที่เหลือขายให้ภัตตาคาร ยังจะมีรายได้อีก 1200 หยวนต่อเดือน

กล่าวได้ว่า การเปิดโครงการ "หนึ่งหมู่บ้านสี่ผลิตภัณฑ์" และการสร้างหมู่บ้านชนเผ่าเย้าได้เพิ่มรายได้ให้ชาวนา ได้ปรับคุณภาพชีวิตของชาวนาให้ดีขึ้นด้วย แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้หมู่บ้านเผชิญกับความขัดแย้งระหว่างการอนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมกับการพัฒนาแบบทันสมัย โดยประการหนึ่ง ผู้สูงวัยชาวเย้าจำนวนหนึ่งใช้ชีวิตอยู่ในภูเขาลึก ย้ายไปอยู่ที่หมู่บ้านใหม่ที่อยู่ตีนเขาจะทำให้ขนบประเพณีและวัฒนธรรมดั้งเดิมยากที่จะสืบทอด อีกประการหนึ่งก็คือ คลื่นการพัฒนาแบบทันสมัยได้ถาโถมทั่วประเทศจีน หมู่บ้านชนเผ่าเย้าที่เก่าแก่ก็อยู่ในแนวโน้มการพัฒนาและปฏิรูปด้วย ชาวนาที่ยังหนุ่มยังสาวจำนวนหนึ่งอยากจะออกไปจากภูเขา และเริ่มต้นชีวิตใหม่ แรงเสียดทานระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้

สำหรับปัญหานี้ ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอได้สัมภาษ์ศ.หลี่ หยุนลง สถาบันวิจัยยุทธศาสตร์สากลแห่งโรงเรียนกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ศ.หลี่ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนในการสื่อข่าวครั้งนี้ ท่านได้ร่วมสำรวจการขจัดความยากจนของหมู่บ้านชนเผ่าเย้าตุนหลงด้วย ท่านวิเคราะห์ว่า

ต้องมองจากสองด้าน ด้านหนึ่งหมายถึงความก้าวหน้า เพราะอพยพจากพื้นที่ทุรกันดารที่ไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตมาอยู่ที่พื้นที่เหมาะสม จะสามารถปรับคุณภาพชีวิตของชาวนาให้ดีขึ้น แต่อีกด้านหนึ่ง วัฒนธรรมดั้งเดิมของพวกเขาก็ต้องได้รับการรักษาไว้ด้วย แต่การอนุรักษ์นี้ไม่ใช่รักษาไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่คือปลูกฝังวัฒนธรรมชนเผ่าเย้าใหม่บนพื้นฐานดั้งเดิมของชาวนาขณะที่ทั้งสังคมกำลังพัฒนาทันสมัยด้วย

โดยศ. หลี่เพิ่มเติมอีกว่า ปัจจุบัน จีนกำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาสู่ความทันสมัยอย่างรวดเร็วเป็นพิเศษ เราต้องบรรลุความทันสมัยภายในเวลาสั้น ๆ ซึ่งปกติควรใช้เวลานับร้อยปี ฉะนั้น ในช่วงนี้ ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและประชาชนต้องร่วมแรงร่วมใจกันเพื่ออนุรักษ์วัฒนธรรมดั้งเดิมและปลูกฝังวัฒนธรรมใหม่เพื่อให้กระบวนการพัฒนาดำเนินอย่างราบรื่นและผ่อนคลาย

(In/Cui)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040