ครั้งที่แล้วเราพาไปเที่ยวเมืองจิ่งหง จังหวัดปกครองตนเองชนเผ่าไตสิบสองปันนา ในงานเทศกาลศิลปวัฒนธรรมประเทศลุ่มแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขงประจำปี 2015 วันนี้จะพูดถึงเรื่องที่น่าสนใจและสถานที่เที่ยวน่าสนใจอีกหลายที่ ซึ่งไม่ควรพลาดหากมีโอกาสไปเที่ยวเมืองจิ่งหง
อันดับแรกจะพาไปชมหมู่บ้านมุสลิมชาวไต ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าชาวไตยังนับถือศาสนาพุทธ เพราะส่วนใหญ่จะคิดว่าชาวไตเป็นชาวพุทธ แต่คนท้องถิ่นเล่าให้ฟังว่าที่สิบสองปันนามีหมู่บ้านมุสลิมชาวไตแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากตัวเมืองจิ่งหงไม่ไกลมาก ขับรถไปก็ใช้เวลาชั่วโมงกว่า พอดีคณะผู้สื่อข่าวของเรามีชาวมาเลซียคนหนึ่งซึ่งเป็นชาวมุสลิม เขาสนใจวัฒนธรรมอิสลามในเขตสิบสองปันนา พอได้ข่าวว่ามีหมู่บ้านมุสลิมจริงๆ จึงขอให้พาไปชม พวกเราเลยมีโอกาสไปดูหมู่บ้านมุสลิมในสิบสองปันนา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ สิ่งปลูกสร้างที่เด่นที่สุดในหมู่บ้านคือมัสยิดหลังหนึ่ง เล่ากันว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเขตภาคตะวันตกเฉียงใต้ ชาวบ้านเป็นชาวไตนับถือศาสนาอิสลาม เด็กๆ จะได้รับการศึกษาหลายภาษา รวมทั้งภาษาไต ภาษาจีนกลางและภาษาอาหรับ เพราะถึงเสาร์อาทิตย์พ่อแม่จะส่งไปศึกษาคัมภีร์ศาสนาอิสลาม หรือคัมภีร์อัลกรุอาน ซึ่งเป็นภาษาอาหรับ ชาวบ้านที่นี่ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวมุสลิมทุกอย่าง คนในหมู่บ้านหากจะแต่งงานกับคนนอกหมู่บ้าน คนนั้นไม่ว่านับถือศาสนาอะไรต้องเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และคนในหมู่บ้านจะฉลองแต่เทศกาลชาวมุสลิมเท่านั้น รายได้ส่วนใหญ่ของชาวบ้านมาจากการปลูกชา ชาวนาส่วนใหญ่จะไม่ทำนาแล้ว จะนำที่ดินของตนให้บริษัทขนาดใหญ่ที่ทำการเกษตรทำเป็นฟาร์กล้วย ฟาร์มปลูกธัญญาพืชหรือสวนผลไม้ ดำเนินการในลักษณะการเกษตรในรูปแบบทันสมัย ชาวบ้านจะได้รับการแบ่งรายได้จากการจำหน่ายธัญญาพืชและผักผลไม้ และมีรายได้อีกส่วนหนึ่งมาจากการให้บริษัทเช่าที่ดิน ชาวบ้านในหมู่บ้านมุสลิมแห่งนี้นอกจากมีรายได้จาก 2 ทางนี้แล้ว ยังมีรายได้หลักๆ อีกอย่างหนึ่งคือ การจำหน่ายใบชา เนื่องจากสภาำพอากาศและดินของพื้นที่แถวนี้เหมาะสำหรับปลูกต้นชาที่ที่นำไปแปรรูปเป็นชาผูเอ่อ ใบชาชื่อดังของจีน เมื่อหลายปีก่อนเคยถูกปั่นราคาให้ถูงถึงหลายหมื่นหยวนต่อครึ่งกิโลกรัม และหมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นอยู่กับอำเภอเมิ่งไห่ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาผูเอ่อที่สำคัญที่สุดของจีน ชาผูเอ่อที่จำหน่ายสู่ตลาดทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ผลิตที่นี่ เรามีโอกาสสัมภาษณ์นักธุรกิจหญิงคนหนึ่งที่เป็นคนรวยที่สุดในหมู่บ้าน เธอก็เป็นชาวไตมุสลิม อายุเพียง 23 ปีเอง แต่มีโรงงานผลิตชาและร้านขายชาของตัวเอง เธอพาเราไปชมโรงงานและชงน้ำชาให้เราดื่ม พวกเราเลยมีโอกาสซื้อชาผูเอ่อในราคามิตรภาพที่ถูกกว่าข้างนอก เธอเล่าให้ฟังว่า ความสำเร็จด้านธุรกิจมากจากการขยันทำงาน เพราะเมื่อถึงฤดูกาลเก็บใบชา เธอต้องขึ้นเขาสูงเพื่อไปซื้อใบชาจากชาวบ้าน ใบชาคุณภาพดีส่วนใหญ่ปลูกบนเขาสูง ยิ่งสูงคุณภาพใบชายิ่งดี อยากได้ใบชาเกรดดีเพื่อนำมาแปรรูปเป็นชาผูเอ่อที่ขายได้ราคาดี ก็ต้องขึ้นเขาไปซื้อจากชาวบ้านปลูกชา เรายังมีโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตชา จึงได้ความรู้เกี่ยวกับกรรมวิธีการผลิตชาผู่เอ่อ เช่น การตากใบชา การหมัดใบชา การอัดใบชา การบีบใบชา การบรรจุภัณฑ์จนทำให้ออกมาขายสู่ท้องตลาดได้ นับว่าหลายขั้นตอนทีเดียว