เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 2 ปีของเหตุเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH370 สูญหาย วันเดียวกัน ดาโต๊ะซรีนาจิบ ตุน ราซัก ประธานาธิบดีมาเลเซียประกาศคำแถลงเพื่อแสดงความไว้อาลัย เขากล่าวว่า เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ได้พบซากเครื่องบินบางส่วนที่เกาะลาวีญงของฝรั่งเศส ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า เครื่องบิน MH370 ตกในมหาสมุทรอินเดียใต้ เขากล่าวว่า มาเลเซียเห็นว่ามีหวังที่จะพบซากเครื่องบินในบริเวณพื้นที่ 120,000 ตารางกิโลเมตรที่กำลังค้นหาอยู่ ซึ่งการค้นหานี้เป็นการท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน เพราะบริเวณดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศที่ยากลำบากมากที่สุดในโลก

วันเดียวกัน หน่วยงานตรวจสอบร่วมที่ประกอบด้วยผู้แทนมาเลเซียและประเทศอื่นๆ แถลงว่า รายงานฉบับสุดท้ายยังไม่อาจเสร็จเรียบร้อยเพราะต้องรอยืนยันที่ตั้งของซากเครื่องบินชิ้นส่วนหลัก หรือการค้นหาสิ้นสุดลงก่อน

เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานและการคมนาคมออสเตรเลียแถลงว่า ออสเตรเลียสัญญาว่าจะใช้ความพยายามเต็มที่ที่สุดเพื่อค้นหาเครื่องบินที่หาย และให้คำตอบกับครอบครัวผู้โดยสารบนเครื่องบิน เขากล่าวอีกว่า ออสเตรเลียได้เสร็จสิ้นการค้นหาพื้นที่ 90,000 ตารางกิโลเมตรจากทั้งหมด 120,000 ตารางกิโลเมตร เรือค้นหาจะใช้เทคโนโลยีโซนาร์และเทคโนโลยีใต้น้ำอื่นๆ เพื่อค้นหาระดับความลึก 6 กิโลเมตรใต้น้ำ และพยายามสิ้นสุดงานค้นหาในอีก 30,000 ตารางกิโลเมตรที่เหลือโดยเร็ว

หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษฉบับวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมารายงานว่า ผู้รับผิดชอบงานค้นหาเครื่องบิน MH370 กล่าวว่า มีหวังที่จะเจอซากเครื่องบินชิ้นส่วนหลักภายในเวลา 4 เดือน ปัจจุบัน งานค้นหาได้ใช้ทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐ และเข้าสู่ระยะสุดท้าย ผู้รับผิดชอบผู้นี้เห็นว่า เนื่องจากได้ค้นหาพื้นที่เกือบ 3 ใน 4 ของบริเวณทั้งหมดแล้วแต่ก็ยังไม่เจอซากเครื่องบิน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะอยู่ในบริเวณที่เหลือ

Yim/Ldan