เหตุที่บริษัทดังกล่าวยอมไปลงทุนต่างประเทศที่สำคัญก็เพื่อลดต้นทุนให้ต่ำลง เพราะปัจจุบัน วิสาหกิจการผลิตของจีนมีกำไรไม่ถึง 10% กลุ่มบริษัทให้คำปรึกษาที่บอสตันประกาศรายงานว่าด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกประจำปี 2015 ระบุว่า เมื่อเทียบกับดัชนีต้นทุนการผลิตของโลก จีนเป็น 96 และสหรัฐฯเป็น 100 ซึ่งหมายความว่า สำหรับผลิตภัณฑ์เดียวกันหากผลิตในสหรัฐฯต้องใช้ต้นทุน 1 ดอลล่าสหรัฐฯ แต่ผลิตในจีนใช้เพียง 0.96 ดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งหมายความว่า ต้นทุนการผลิตในจีนไม่ต่ำกว่าสหรัฐฯมากเท่าไหร่ สิ่งที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ถึงปี 2018 ต้นทุนการผลิตในสหรัฐฯ คาดว่าจะต่ำกว่าต้นทุนการผลิตในจีน 2-3%

นั่นหมายความว่า ต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าในอดีตและเคยกระตุ้นการพัฒนาที่รวดเร็วของจีนนั้นหมดไปแล้ว นายเฉา เต๋อว่างได้เปรียบเทียบต้นทุนการผลิตและกำลังการแข่งขันของจีนกับสหรัฐอย่างละเอียด และแสดงความคิดเห็นต่อต่อสภาพปัจจุบันและอนาคตด้านอุตสาหกรรมการผลิตของจีน และระบุว่า วัตถุประสงค์ของเขาคือ เตือนให้รัฐบาล นักธุรกิจทั้งหลาย ต้องให้ความระมัดระวัง และรับมือกับความเสี่ยงร่วมกัน 

เมื่อเร็วๆนี้ บริษัท BCG ของสหรัฐฯได้เผยดัชนีว่าด้วยความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนการผลิตของทั่วโลกระบุว่า ต้นทุนการใช้ที่ดิน จีนสูงกว่าสหรัฐราว 9 เท่า ในจีน ระยะเวลาการสัมปทานที่ดินสำหรับพัฒนาการผลิตมีแค่ 50 ปี แต่ที่สหรัฐฯเป็นแบบถาวร เช่น เมื่อปี 2000 การใช้ที่ดินที่เมืองฉือซีมณฑลเจ้อเจียงราคาไหม่ละ 180,000 หยวน แต่ที่สหรัฐฯมีแค่โหม่วละ 20,000 หยวน ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ จีนสูงกว่าสหรัฐ 2 เท่า โดยยกตัวอย่าง น้ำมันปิโตรเลียม ค่าน้ำมันของจีนเป็นประมาณ 2 เท่าเมื่อเทียบกับสหรัฐ และทำให้ค่าขนส่งก็เพิ่มสูงขึ้นแน่นอน นอกจากนั้น จีนมีค่าผ่านทาง และค่าผ่านสะพานเป็นต้นซึ่งย่อมจะเพิ่มต้นทุนโลจิสติกส์ให้สูงขึ้นแน่นอน แต่ที่สหรัฐ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านนี้ ต้นทุนการกู้เงินจากธนาคาร ซึ่งจีนสูงประมาณ 2.4 เท่าเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายที่สหรัฐฯ ปกติดอกเบี้ยกู้เงินจากธนาคารในจีนเป็นกว่า 6% แต่ที่สหรัฐมีแค่ 2.5% แต่ถ้ากู้เงินจากผลิตภัณฑ์ทางการเงินพิเศษเพื่อระดมทุนไปปล่อยกู้จะมีดอกเบี้ยสูงเป็น 10% ขึ้นไป กู้เงินจากบริษัทการเงินหรือกองทุนที่เกี่ยวข้องจะมีดอกเบี้ยสูงเป็น 15% และถ้ากู้เงินจากกลุ่มบริษัทภาคเอกชนหรือกู้เงินนอกระบบ ดอกเบี้ยสูงกว่า 20% ดอกเบี้ยที่สูงนี้จะทำให้บริษัทรับไม่ไหวจริงๆ ต้นทุนด้านไฟฟ้า แก๊สธรรมชาตินั้น จีนสูงกว่าสหรัฐฯกว่า 2 เท่า ค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้ากับแก๊สธรรมชาตินั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่กำหนดโดยรัฐบาล ไม่ว่าน้ำมัน ไฟฟ้า และแก๊สธรรมชาตินั้น บริษัทต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมาก