ช่วง 20 ปีหลังนายเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีนลาโลกไป ชื่อของท่านยังคงถูกกล่าวขวัญถึงครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสำคัญๆ อย่างวันเกิดและวันอสัญกรรม ในสายตาของทางการ สาเหตุสำคัญประการหนึ่งที่รำลึกนายเติ้ง เสี่ยวผิงคือ ควรสืบสานคุณธรรมและความรับผิดชอบด้าน "ความกล้าบุกเบิกและสร้างสรรค์" เมื่อปี 2014 นายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนระบุในงานสัมมนาเนื่องในโอกาส 110 ปีชาตกาลนายเติ้ง เสี่ยวผิงว่า
"การที่เรารำลึกสหายเติ้ง เสี่ยวผิง ก็เพื่อเอาอย่างความกล้าหาญทางการเมืองของท่านที่บุกเบิกและสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง การบุกเบิกและสร้างสรรค์เป็นภาวะการนำที่โดดเด่นที่สุดชั่วชีวิตของนายเติ้ง เสี่ยวผิง และเป็นความรับผิดชอบทางประวัติศาสตร์อันพึงมีของชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีนชั่วนิรันดร์"
คุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนายเติ้ง เสี่ยวผิงต่อการพัฒนาของจีนคือ ดำเนินนโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีนพัฒนาและทันสมัยอย่างรวดเร็ว จีนใช้เวลาประมาณ 30 ปีก็ขยับขึ้นเป็นอันดับ 2 ด้านขนาดทางเศรษฐกิจของโลกจากเดิมที่เป็นประเทศด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจ
นายหลี่ เฉิง จากสถาบันบรูกิ้งส์(Brookings Institution)คลังสมองที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริการะบุว่า สำหรับจีนแล้ว นายเติ้ง เสี่ยวผิงเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ "พลิกฟ้าดิน"
"ท่านเป็นผู้นำอันยิ่งใหญ่ที่นำพาจีนสู่สังคมที่ทันสมัยอย่างแท้จริง หากจะพูดถึงความเจริญรุ่งเรืองครั้งใหม่ของจีน ก็ควรย้อนไปเริ่มตั้งแต่สมัยเติ้ง เสี่ยวผิง"
เมื่อปี 1978 นายเติ้ง เสี่ยวผิงได้รับเลือกเป็นบุคคลแห่งปีของวารสารไทมส์รายสัปดาห์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า "นายเติ้ง เสี่ยวผิงเปิดประตูของจีนสู่โลก ทำให้จีนก้าวสู่โลก พร้อมกันนี้ก็ทำให้โลกก้าวสู่จีน"
นโยบายการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนที่กำหนดโดยเติ้ง เสี่ยวผิงได้ดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 40 ปีแล้ว และยังคงดำเนินต่อไป
(YIM/LING)