สถานีวิทยุซีอาร์ไอเผยบทวิเคราะห์เรื่อง "สหรัฐฯป่วยทางจิต"
  2017-03-11 17:35:48  cri

แพทย์แผนโบราณจีนระบุว่า ร่างกายกับจิตใจมนุษย์เป็นสิ่งที่มิอาจแยกขาดจากกันได้ โรคที่เกิดกับร่างกายบางชนิด อันที่จริงเป็นโรคที่เกิดจากจิตใจ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ยืนยันว่า ร่างกายกับจิตใจของคนเป็นหนึ่งเดียวกันและมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด และหากเราใช้ทฤษฏีนี้มองประเทศต่างๆในโลกก็จะพบว่า การที่สหรัฐฯกระวีกระวาดปลุกปั่นเรื่องต่างๆของจีน และรวมกำลังโจมตีจีนทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ล้วนแล้วแต่เป็นพฤติกรรมของคนป่วยทางจิต

ประการแรกคือ อาการป่วยทางจิตที่เกิดจากความทะนงตัวอวดดี ตั้งแต่ทศวรรษปี 1980 เป็นต้นมา ฝ่ายตะวันตกเห็นว่า ตลาดในระบบเศรษฐกิจสามารถชนะระบบเสรีประชาธิปไตยได้ในที่สุด ทำให้หลายสิบมาปีมานี้ สหรัฐได้พยายามเผยแพร่ค่านิยมของตนซึ่งสืบเนื่องมาจากแนวคิดดังกล่าวสู่ทั่วโลก ผ่านรูปแบบต่างๆ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการช่วยเหลือ ตามมาด้วยสูตรสำเร็จคือต้องออกรายงานว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่มีเนื้อหาชี้มือชี้ไม้ก้าวก่ายกิจการภายในของประเทศอื่น ๆ

พร้อมๆกับที่จีนได้พัฒนากลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลก และมีรูปแบบการพัฒนาที่กลายมาเป็นประเด็นที่นานาประเทศสนใจ มองกลับไปที่สหรัฐฯ นอกเหนือจากที่บอกว่ากำลังดำเนินการปฏิรูปอย่างแท้จริงแล้ว ค่านิยมความเป็นประชาธิปไตยที่ได้เผยแผ่ในตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกก็ดูจะประสบผลล้มเหลว

ประการที่ 2 อาการป่วยทางจิตที่เกิดจากเห็นคนอื่นได้ แล้วตัวเองไม่ได้ก่อนจีนจะปฏิรูปเปิดประเทศสู่ภายนอก เศรษฐกิจจีนด้อยพัฒนามอก ประเทศฝ่ายตะวันตกที่มีสหรัฐฯเป็นแกนนำและมีสิทธิชี้เป็นชี้ตายล้วนปิดประตูไม่ยอมให้จีนเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือธนาคารโลก ส่วนองค์การการค้าโลกแม้จีนได้ร่วมเป็นสมาชิกมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่พ้นถูกกลั่นแกล้งหาว่าทุ่มตลาดและรับเงินอุดหนุนมากที่สุดในโลกเป็นต้น

แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งเหล่านี้ก็มิอาจขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของจีนได้ จีนกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกเมื่อปี 2009 เงินหยวนกลายเป็นสกุลเงินสำรองสำคัญในโลก ยานอวกาศเสินโจวทะยานขึ้นสู่หว้งอวกาศด้วยความเรียบร้อย ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเหล่านี้ล้วนทำให้ทั่วโลกต่างรู้สึกทึ่งในจีน จะมีก็แต่สหรัฐฯที่กลับรู้สึกอิจฉา นโยบายหาเสียงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่ว่า อเมริกาต้องเป็นลำดับแรก ดูจะยอมรับอยู่ลึกๆว่า ประเทศตัวเองนั้นป่วยจริงและต้องได้รับการเยียวยารักษาก่อนใครเขา

ประการที่ 3 อาการป่วยเพราะคอยปัดความรับผิดชอบ แม้ว่าสหรัฐฯ จะมองตัวเองเป็นมหาประเทศใหญ่และเป็นตำรวจโลก สามารถสั่งการเดินเรือบรรทุกเครื่องบินสู่มหาสมุทรต่างๆทั่วโลก แต่กลับกลายเป็นว่าเมื่อต้องเผชิญปัญหาแก้ยาก ก็เลี่ยงไปให้คนอื่นรับผิดชอบแทนเสียอย่างนั้น ยกตัวอย่าง สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อเร็วๆนี้ เกาหลีเหนือยิงจรวด ส่วนเกาหลีใต้ก็ได้ติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ ทาด (THAAD ) ผลคือสหรัฐฯกลับบอกให้จีนต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการที่เกาหลีเหนือทดลองอาวุธนิวเคลียร์ อันที่จริงหากมีสติย้อนกลับไปต้นตอของปัญหาจะพบว่า วิกฤตินิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลีเกิดขึ้นจากสหรัฐ เกิดจากเกาหลีเหนือกับสหรัฐต่างก็ไม่ไว้ใจกัน เกาหลีเหนือทดลองนิวเคลียร์ที สหรัฐฯก็จะขู่ด้วยการใช้กำลังทางทหารที จนทุกอย่างมันบานปลาย จีนต่างหากที่กลับมาเป็นฝ่ายเรียกร้องให้จัดการหารือกัน เช่นการเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยปัญหาคาบสมุทรเกาหลีหรือในที่แถลงข่าวการประชุมสองสภาจีนครั้งล่าสุด รัฐมนตรีต่างประเทศหวัง อี้ก็เรียกร้องฝ่ายต่างๆยั้บยั้งชั่งใจ และหวังว่า จะสามารถกลับสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง จนพูดได้ว่า จีนทำทุกอย่างในฐานะประเทศผู้รับผิดชอบแล้ว สุดท้ายก็ขึ้นอยู่ท่าทีของสหรัฐเป็นที่สำคัญ

เมื่อมองถึงด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะพบว่า การขาดดุลการค้าเป็นปัญหาที่มองข้ามเสียมิได้เลยในความสัมพันธ์สองฝ่าย จีนจะถูกประณามโดยสหรัฐเสมอ และถูกกดดันทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น แต่เมื่อมองจากหลังมั่นแล้วจะพบว่า การที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาจากปัจจัยหลายประการ มีทั้งการปรับโครงสร้างต่างๆ รวมไปถึงการที่วิสาหกิจสหรัฐเข้ามาสร้างโรงงานที่จีนเป็นต้น

วิสาหกิจทุนสหรัฐได้เข้ามาสร้างผลกำไรมากมายในจีนแต่กลับไม่เคยคำนวณรวมอยู่สถิติการส่งออกของสหรัฐ เมื่อปี 2007 มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ดำเนินการสำรวจพบว่า เครื่องเล่น IPOD ที่วางจำหน่วยด้วยราคา 299 เหรียญสหรัฐในสหรัฐนั้น วิสาหกิจจีนได้ค่าประกอบเพียง 4 เหรียญสหรัฐ แสดงให้เห็นว่า  จีนได้ช่วยเหลือสหรัฐลดต้นทุน แลกกับการแบกรับภาระการขาดดุลมหาศาล ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เทียงธรรมจริงๆ

ประการที่ 4 อาการป่วยทางจิตที่เกิดจากความกลัวว่า ตัวเองจะสูญเสียทุกอย่าง สหรัฐเห็นว่าการเติบโตของมหาประเทศใหม่นั้นเป็นภัยต่อมหาประเทศเก่า จำเป็นต้องดำเนินการยับยั้ง มิฉะนั้น จะถูกแทนที่

ปฏิบัติการของสหรัฐที่ผ่านมาสามารถสนับสนุนอาการป่วยที่ว่าได้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินในโครงการ TPP การติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธทาด (THAAD ) หรือการหนุนฟิลิปปินส์ต่อสู้ในคดีทะเลจีนใต้ ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีที่ต้องการกดดันจีน ซึ่งเป็นประเทศเติบโตใหม่

ปัจจบัน จีนกำลังเดินตามหนทางแห่งการพัฒนาอย่างสันติ ซึ่งไม่เหมือนกับการเติบโตของมหาประเทศใดๆในประวัติศาสตร์ มหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่สามารถรองรับสองมหาประเทศสหรัฐและจีนได้ ปีหลังๆนี้ จีนได้ใช้สติปัญญาของตน พยายามส่งเสริมให้ฝ่ายต่างๆล้วนได้รับการพัฒนาและมีสันติภาพ

อาการป่วยทางจิตจำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยจิตรแพทย์ จีนกับสหรัฐทุกวันนี้มีเศรษฐกิจที่ต้องพึงพากันและกัน และมีผลประโยชน์ร่วมกันสูง การที่สหรัฐใช้มาตรการกดดันหรือยั้บยั้งจีนก็เท่ากับยอมรับในผลเสียที่จะเกิดขึ้นต่อสหรัฐเองด้วย ถ้าหากสหรัฐพบว่ายาฝรั่งไม่ได้ผลคงต้องลองยาจีนแรงๆสักชุดเพื่อจะได้หายป่วยเป็นปลิดทิ้ง

Toon/LJ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040