ปี 2007 ถือว่าเป็นปีประวัติศาสตร์สำหรับความรักของทั้งสองคน หลังจากอยู่ห่างกัน 20 ปี บ้านทางใต้กับบ้านทางเหนือรวมเป็นบ้านเดียวกันที่ปักกิ่ง เพราะท่านสีย้ายมาประจำการที่ปักกิ่ง ท่านสีเคยบอกว่า เธอเป็นคนที่เรียบง่าย และมีความสามารถมาก ผมมีครอบครัวที่มีความสุขมาก ส่วนมาดามเผิงกล่าวถึงครอบครัวว่า เหมือนกับต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก มีความมั่นคง และเหมือนอ่าวที่เงียบสงบไม่มีคลื่นลมใดๆ อีกทั้งชมสามีว่าทำได้ดีไม่ว่าในหน้าที่สามีหรือคุณพ่อ
ปี 2013 สี จิ้นผิงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศจีน ทำให้มาดามเผิง ลี่หยวนขึ้นแท่นเป็นสตรีหมายเลขหนึ่งโดยปริยาย หลังจากนั้น ชาวเน็ตก็เรียกทั้งคู่ด้วยชื่อใหม่ว่าสีต้าต้าเหอเผิงมามา ซึ่งฟังแล้วใกล้ชิดสนิทสนมขึ้นทันที ทั้งสองคนอายุก็ 60 และ 50 แล้ว เปรียบเทียบได้กับเป็นพ่อของแผ่นดินและแม่ของแผ่นดิน หรือเรียกมาดามเผิง ลี่หยวนว่าเป็นกั๋วหมู่ หมายถึงแม่ของแผ่นดิน ตั้งแต่เดือนมีนาคมปี 2013 ทั้งสองคนออกเดินทางปรากฏตัวเฉิดฉายบนเวทีโลก บางครั้งมาดามเผิงได้รับสนใจจากสื่อนานชาติมากกว่าท่านประธานาธิบดีสีเสียอีก เพราะปรากฏตัวแต่ละครั้งสง่างามมากทีเดียว และในทุกๆ ครั้งที่ออกมาปรากฏตัวด้วยกัน แววตาเวลาจ้องกันส่งสัญญาณรู้ใจกัน กริยาท่าทางแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่รู้ใจกันโดยที่ไม่ต้องพูดต้องจา แสดงให้เห็นความรักลึกซึ้งที่มีต่อกัน เวลาทั้งคู่ออกงานด้วยกัน มักมีการแต่งองค์ทรงเครื่องให้ดูงดงาม สังเกตได้ว่าสีเนคไทของท่านสีกับชุดของมาดามเผิงจะเป็นโทนสีเดียวกันเสมอเลย จนกระทั่งมีชาวเน็ตจีนตั้งข้อความอย่างสนุกสนานว่า ท่านสีเอาเศษผ้าเหลือจากการตัดชุดของมาดามเผิงมาทำเป็นเนคไทต่อ ทำให้โลกทั้งโลกรู้สึกอิจฉาและชื่อชมความรักของทั้งคู่ที่มีต่อกัน
สำหรับเรื่องราวความรักของทั้งคู่ เริ่มรักกันตั้งแต่เป็นคนธรรมดาทั้งสองคน เป็นครอบครัวธรรมดาไม่ได้มีเงินร่ำรวยมั่งคั่ง จนกระทั่งกลายมาเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศจีน ไม่ใช่เป็นแบบอย่างให้กับชาวจีนเท่านั้น ถือได้ว่าเป็นแบบอย่างให้กับชาวโลกได้เห็นว่า ความรักที่บริสุทธิ์ยังมีอยู่จริงบนโลกใบนี้ หลังจากพวกเราได้รู้เรื่องของทั้งสองท่านแล้ว ก็ขอให้ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกับมาดามเผิง ลี่หยวนมีความสุขในวันครบรอบการแต่งงาน 30 ปี