คณะผู้สื่อข่าวจากจีนและ ๔ ประเทศ อันประกอบด้วยไทย อังกฤษ เม็กซิโก และแอลแบเนีย รวม ๑๖ ชีวิต ตระเวนผานเซี่ยนช่วงระหว่าง ๒๒ – ๒๗ กันยายน เพียงย่างกรายเข้ามาวันแรกเราแทบจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผานเซี่ยนอำเภอชายขอบตะวันตกของเมืองลิ่วผานสุ่ย มณฑลกุ้ยโจวเป็นสวรรค์บนดินแดนใต้ของจีน ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นเพราะมีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ มีภูมิประเทศที่ดีภูมิอากาศเอื้อ การพัฒนาที่มีการวางแผนตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างรอบคอบประกอบกับการนำบทเรียนจากการพัฒนาสู่ความเป็นเมืองของทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเป็นครู มุ่งสู่การพัฒนาอย่างจีรังยั่งยืน และมนต์เสน่ห์ที่ถือว่าเป็นสีสันสำคัญที่สุดอีกอย่างคือวัฒนธรรมชนเผ่าที่หลากหลาย ที่นี่มีชนเผ่าอยู่ร่วมกันถึง ๒๘ ชนเผ่า ทุกชนเผ่ายังสืบทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมไว้เต็มร้อยไม่ว่าจะเป็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การแต่งกาย อาหารการกิน ประเพณี ศิลปะพื้นบ้าน
ตื่นตากับภูมิประเทศแบบคาร์สต์ เส้นทางจากสนามบินกุ้ยหยางมายังผานเซี่ยนใช้เวลาประมาณ ๔ ชั่วโมง ด้วยทางยกระดับสองข้างทางเป็นภูเขาสูงและหุบเขาสลับกันมีการปลูกพืชเขียวขจีตลอดเส้นทาง ทั้งสน ชา นาข้าวแบบขั้นบันได ขณะนี้ข้าวในนากำลังเป็นสีทองขณะที่พื้นที่โดยรอบเป็นสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม อร่ามตาสุด ๆ
อากาศบริสุทธิ์มาก ๆ ใครที่อยากหลบหนีชีวิตที่จอแจ เร่งรีบและมลพิษในเมือง มาที่นี่รับรองสบาย ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีที่ ๑๙.๒ องศาเซลเซียส
ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์มาก ทั้งถ่านหิน ทองคำ และแร่อื่น ๆ อีกหลายสิบชนิด ในอดีตมุ่งทำเหมืองถ่านหิน ปัจจุบันมุ่งต่อยอดและเปลี่ยนรูปแบบการผลิตถ่านหินให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด สามารถทำผลิตภัณฑ์จากถ่านหินได้ถึง ๓๗ ชนิดเช่นนำมาทำอิฐ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการก่อสร้างในสภาพที่ความเป็นเมืองเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้างมีนับ ๑๐ โครงการ มีพลังงานแสงอาทิตย์ที่อุดมสมบูรณ์จึงมุ่งใช้พลังงานชนิดนี้ในการพัฒนาเมืองที่เน้นคาร์บอนต่ำแอย่างยั่งยืนละประหยัดพลังงาน ที่นี่จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาศึกษาดูงานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
การเกษตรผสมผสานสมัยใหม่ ปลูกพืชหลากหลายมุ่งให้เป็นวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมในพื้นที่ อย่างเช่นอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม เครื่องดื่มที่ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งวิตามินซี เทียนชื่อลี่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็เป็นผลผลิตของผานเซี่ยน มีไร่ชา สวนไม้ดอกที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น
มีป่าแปะก๊วยอายุนับพันปีถือเป็นสัญลักษณ์ และนามบัตรที่ดีของอำเภอนี้ มีการปลูกแปะก๊วยตามสถานที่ต่าง ๆ อย่างแพร่ ใครที่รักแปะก๊วยใบที่สวยและมากประโยชน์รวมทั้งเม็ดแปะก๊วยสีเหลืองสดแสนอร่อย น่ามาเยือนที่นี่อย่างยิ่ง เขาจะนำแปะก๊วยมาปรุงอาหารทั้งคาวและหวานให้เราชิมจนหนำใจ
วัฒนธรรมชนเผ่าหลากหลายมีสีสัน อย่างมื้อแรก เราแวะภัตตาคารของชนเผ่าอีว์ ชนเผ่านี้จะปลูกข้าวที่เป็นสีแดง ที่เรียกกันว่า อีว์หนีเหอ หงหมี่ฟ่าน อาหารทุกจานที่ปรุงออกมามีสีสันและรสชาติดี คล้ายอาหารไทย อาหารหลายอย่างมีเครื่องจิ้มเหมือนบ้านเรา แต่ถ้าจะเข้าไปที่หมู่บ้านอีว์หนีเหอ ต้องใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงจากตัวอำเภอ สำหรับนักชิม ตระเวนชิมอาหารของชนเผ่าต่าง ๆ ก็ถือว่าคุ้มมาก ยังไม่รวมอาหารตาจากเครื่องแต่งกาย ศิลปะ ประเพณีต่าง ๆ ที่สำคัญผู้คนที่นี่ยิ้มแย้มแจ่มใส ใจดีมาก ๆ
แฮมผานเซี่ยนติดทอปทรี แฮมชื่อดังของจีน หน้าตาจะไม่เหมือนแฮมทั่วไป ส่วนที่เป็นมันจะมีสีใส ส่วนที่เป็นเนื้ออกสีแดงเข้ม ขอแนะนำส่วนที่เป็นมันสุดยอด ส่วนที่เป็นเนื้อก็อร่อยมาก
สิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานครบครันทันสมัย ทั้งด้านการคมนาคมที่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกแถมยังเป็นชุมทางการคมนาคมที่สำคัญ มีทางรถไฟ ๓ สาย คือผานเซี่ยน –ปักกิ่ง ผานเซี่ยน – เฉิงตู และผานเซี่ยน – เซี่ยะเหมิน ที่พักหรูหรือจะอยู่โฮมสเตย์อยู่กับชาวบ้าน เลือกได้ทั้งนั้น
อำเภอผานเซี่ยนเป็นอำเภอเก่าอายุกว่า ๖๐๐ ปี ที่ว่าการอำเภอแห่งใหม่อยู่ที่ตำบลหงกั่ว ย้ายมาที่นี่เมื่อปี ๑๙๙๙ ห่างจากที่เดิม ๓๕ กิโลเมตร ในช่วงเวลา ๑๕ ปีสามารถพัฒนาความเป็นเมืองไปได้ถึง ๑๕ ตารางกิโลเมตร จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๖๒ ตารางกิโลเมตร แม้จะพัฒนาเร็วอย่างไร แต่ก็มีเป้าหมายเรื่องสิ่งแวดล้อมชัดว่าจะต้องมีพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์
ผลพวงจากการพัฒนาทำให้คนที่เคยอพยพไปอยู่ในเมืองที่ในอดีตเคยมีโอกาสมากกว่าอย่างคุนหมิง พากันอพยพกลับมาอยู่ที่ผานเซี่ยน เพราะที่นี่มีโอกาสกับพวกเขาอย่างสูง ผผานเซี่ยนกำลังดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์ดูแลนักลงทุนทุกขั้นตอนอย่างดียิ่งตั้งแต่ช่วงที่แสดงความสนใจมาลงทุน จนกระทั่งมาเปิดกิจการ จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้ตลอดจนนักลงทุนพากันติดใจ บางคนถึงกับอพยพมาอยู่ที่นี่ พราะติดใจทั้งสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ พวกเขาคงรู้สึกเหมือนกับคณะของเราที่ว่า ผานเซี่ยนเป็นสวรรค์บนดินแดนใต้ของจีน ลองมาสัมผัสกันนะ
