น้ำเต้าหู้
  2010-09-08 18:47:38  cri

น้ำเต้าหู้เป็นสิ่งประดิษฐ์ืั้ืั้สำคัญอย่างหนึ่งของชาวตะวันออก เป็นอาหารบำรุงสุขภาพโดยเฉพาะเหมาะสำหรับผู้หญิงอย่างยิ่ง น้ำเต้าหู้หาซื้อได้สะดวกตามร้านค้าหรือซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างก็มีขาย น้ำเต้าหู้ทำจากถั่วเหลืองและถั่วดำ มีทั้งรสหวานและรสจืดที่ไม่ใส่น้ำตาล ราคาถูกด้วย เป็นเครื่องดื่มและอาหารว่างที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

จีนเป็นแหล่งกำเนิดของน้ำเต้าหู้ เล่ากันว่า หลิวอัน เจ้าแคว้น หวัยหนานสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเป็นผู้คิดทำน้ำเต้าหู้ขึ้น เมื่อครั้งคุณแม่ป่วยไม่อยากทานอาหาร หลิวอันจึงใช้ถั่วเหลืองที่แช่น้ำจนนิ้มแล้วโม่เป็นน้ำเต้าหู้ให้คุณแม่ทาน อาการป่วยของคุณแม่ทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่นั้นมา น้ำเต้าหู้ก็ค่อยๆ แพร่หลายในหมู่ประชาชน ตำราแพทย์แผนโบราณของจีนมีการบันทึกสรรพคุณของน้ำเต้่าหู้ไว้ว่า น้ำเต้าหู้สามารถขับสารพิษออกจากร่างกาย บำรุงผิวพรรณ เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก เสริมพลัง รักษาอาการอ่อนเพลีย ดื่มบ่ิอยๆ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก

มิเพียงแต่แพทย์แผนโบราณส่งเสริมให้ดื่มน้ำเต้าหู้เท่านั้น แพทย์แผนปัจจุับันก็มีผลการวิจัยเกี่ยวประโยชน์ของน้ำเต้าหู้ว่า

1. บำรุงสุขภาพและเสริมพลัง น้ำเต้าหู้ทุกๆ 100 กรัมมีส่วนประกอบเป็นโปรตีนพืช 4.5 กรัม ไขมัน 1.8 กรัม carbohydrate 1.5 กรัม ฟอสฟอรัส 4.5 กรัม เหล็ก 2.5 กรัม แคลเซียม 2.5 กรัม ตลอดจนวิตามิน และสารอื่นๆ หลายอย่างซึ่งเป็นที่ต้องการของร่างกาย

2. ป้องกันโรคเบาหวาน น้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยกากใย ซึ่งสามารถสกัดการดูดซึมน้ำตาล ลดระดับน้ำตาลในร่างกาย เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน

3. ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง น้ำเต้าหู้มีสาร phytosterol โปแตสเซียม และสารแมกนีเซียม ซึ่งสามารถระงับการสะสมของคอเลสเตอรอล และควบคุมปริมาณโซเดียมในร่างกายซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง

4. ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ สาร phytosterol โปแตสเซียม แมกนีเซียมและแคลเซียมสามารถกระตุ้นและขยายหลอดเลือดหัวใจ บำรุงกล้ามเนื้อหัวใจ ลดไขมันในเลือด ทำให้เลือดไหลคล่องขึ้น การดื่มน้ำเต้าหู้วันละ 1 ถ้วย ช่วยลดอาการหลอดเลือดหัวใจได้ถึง 50%

5. ป้องกันเส้นเลือดสมองตีบ สารแมกนีเซียมและแคลเซียมในน้ำเต้าหู้สามารถลดไขมันในเส้นเลือดสมองได้เป็นอย่างดี ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ป้องกันเส้นเลือดสมองตีบและเส้นเลือดสมองแตก นอกจากนี้ สาร lecithin ในน้ำเต้าหู้ยังช่วยลดอัตราการตายของเซลล์สมอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง

6. ป้องกันโรคมะเร็ง สารโปรตีน เซลีเนียม และโมลิบดินัมในน้ำเต้าหู้มีสรรพคุณระงับการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมีผลในการป้องกันมะเร็งกระเพาะ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านมอย่างดี อัตราการเป็นโรคมะเร็งในหมู่คนที่ดื่มน้ำเต้าหู้บ่อยๆ จะต่ำกว่าคนที่ไม่ดื่มน้ำเต้าหู้ถึง50%

7. ป้องกันโรคหลอดลมอักเสบ น้ำเต้าหู้มีสารชนิดหนึ่งสามารถบรรเทาอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อหลอดลม ช่วยป้องกันและลดอาการหลอดลมอัดเสบ

8. ป้องกันความชรา สารเซลีเนียม วิตามิน C และวิตามิน E ในน้ำเต้าหู้สามารถป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์โดยเฉพาะเซลล์สมอง อันเนื่องจากความชรา

9. รักษาอาการท้องผูก ช่วยลดน้ำหนัก

ถึงแม้น้ำเต้าหู้อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีสรรพคุณวิเศษในการป้องกันและรักษาโรคชนิดต่างๆ แต่เกี่ยวกับการดื่มน้ำเต้าหู้ก็มีสิ่งที่ควรระวังหลายอย่าง

1. น้ำเต้าหู้ต้องต้มให้เดือดจึงจะทานได้ เพราะนำเต้าหู้ดิบมีสารพิษทำให้การย่อยและสลายตัวของสารโปรตีนเกิดการขัดข้อง และส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร จนเกิดอาการต้องพิษ เช่นปวดศรีษะ หายใจลำบากเป็นต้น เมื่อมีอาการเช่นนี้ควรรีบไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่หากต้มน้ำเต้าหู้ให้เดือดก่อนทาน ก็จะสามารถขจัดสารพิษดังกล่าวได้

2. ไม่ควรตีไข่เข้าไปในน้ำเต้าหู้ หลายคนคิดว่าเวลาต้มน้ำเต้าหู้นั้นตีไข่ไก่เข้าไปสัก 1 ฟอง จะช่วยเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เนื่องจากเมื่อโปรตีนไข่กับสาร Trypsin ในน้ำเต้าหู้ผสมกันแล้วจะกลายเป็นสารชนิดหนึ่งที่ย่อยยาก ทำให้สูญเสียคุณค่าอาหารดีๆ ทั้งสองอย่าง

3. อย่าชงกับน้ำตาลทรายแดง ถึงแม้น้ำเต้าหู้ที่ใส่น้ำตาลทรายแดงจะเพิ่มความอร่อย แต่สารกรดในน้ำตาลทรายแดงกับโปรตีนในน้ำเต้าหู้เมื่อเผชิญกันแล้วจะทำให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์กลายเป็นสารตะกอนที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย

4. อย่าเก็บนาน น้ำเต้าหู้ที่เก็บในภาชนะที่มีอุณหภูมิค่อนข้างสูง เพียง 3-4 ชั่วโมงก็จะบูด

5. อย่าทานน้ำเต้าหู้ทีละมากๆ เพราะระบบย่อยอาหารจะย่อยโปรตีนไม่ทัน ทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสีย

6. ไม่ควรดื่มน้ำเต้าหู้ตอนท้องว่าง ควรทานกับขนมปัง หมานโถวหรืออาหารแป้งอย่างอื่น ซึ่งจะช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะย่อยและสลายโปรตีนในน้ำเต้าหู้ได้ง่ายขึ้น

7. เวลาทานยาไม่ควรทานกับน้ำเต้าหู้ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ

ผู้ที่ไม่เหมาะกับการทานน้ำเต้าหู้

1. ผู้ป่วยโรคกระเพาะทานน้ำเต้าหู้แล้วจะกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย ทำให้อาการท้องอืดหนักขึ้น

2. ผู้ป่วยโรคไตต้องการทานอาหารที่มีโปรตีนต่ำ แต่น้ำเต้าหู้มีโปรตีนสูง จะเพิ่มภาระให้กับไต

3. สาร Oxalic acid salt ในถั่วเหลืองกับแคลเซียมในไตผสมกันแล้วอาจจะกลายเป็นนิ่ว เพราะฉะนั้น ผู้ที่เป็นนิ่วในไตก็ไม่ควรทานน้ำเต้าหู้

4. สาร Purine เป็นต้นเหตุสำคัญของโรคเก๊าท์ ถั่วเหลืองอุดมไปด้วยสาร Purine เมื่อทำเป็นน้ำเต้าหู้แล้ว สาร Purine ที่ละลายน้ำจะเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า จึงไม่เหมาะกับผู้เป็นโรคเก๊าท์

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้น้ำเต้าหู้เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่ก็ใช่ว่าจะเหมาะกับทุกคน สำหรับผู้ที่สุขภาพแข็งแรงไม่มีโรค ดื่มน้ำเต้าหู้วันละ 1-2 ครั้ง ครั้งละ 250-350 มิลลิลิตร จะมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพและเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040