2019-03-06 11:00CRI
การประชุม “สองสภา” แห่งชาติจีนประจำปี 2019 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งเป็นการประชุมสำคัญสุดที่จะจัดขึ้นเป็นประจำในฤดูใบไม้ผลิของทุกปี อันเป็นฤดูกาลที่สรรพสิ่งกลับฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง เป็นการประชุมที่บรรจุการรอคอยและความคาดหวังของปวงประชาชาติจีนที่มีต่ออนาคตเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนได้กล่าวรายงานผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาของรัฐบาลต่อที่ประชุม และรายงานดังกล่าวยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับเป้าหมายสำคัญประจำปีที่รัฐบาลหมายมั่นไว้ด้วย ซึ่งประชาชนจีนทุกเผ่าชนทั่วประเทศจะต้องร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันของปี
กล่าวได้ว่าชาวจีนในขณะนี้กำลังพูดคุยกับโลก หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับทั่วโลกด้วยความผ่อนคลายและมาดมั่น กว่า 30 ปีที่จีนทำการปฏิรูปเปิดประเทศ ได้เกิดการปรับเปลี่ยนโฉมหน้าใหม่อย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จากเดิมที่เคยยากจนและด้อยพัฒนา กลายเป็นมีเศรษฐกิจพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และกลายมาผู้สร้างตำนาน “ปาฏิหาริย์แห่งจีน”
ปัจจุบัน เมื่อชาวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น พอได้ยินว่ามาจากประเทศจีน ก็จะได้รับเสียงชื่นชมด้วยไมตรีจิตมากขึ้นเรื่อยๆด้วย นอกจากนี้ คำว่า “เมดอินไชน่า” ก็ไม่ได้แฝงนัยถึงสินค้าตลาดล่าง ของปลอม หรือสินค้าด้อยคุณภาพอีกต่อไป และแบรนด์สมาร์ทโฟนจีน ไม่ว่าจะเป็นหัวเหวย เสียวหมี่ วีโว้ ออปโป้ ต่างก็มีศักยภาพที่จะแข่งขันกับบริษัทชั้นนำระดับโลกได้แล้ว
สภาวะใหม่ทางเศรษฐกิจของจีนเหล่านี้ ได้บีบบังคับให้จีนต้องเร่งความเร็วในการยกระดับเศรษฐกิจ และเพิ่มคุณภาพในการพัฒนาให้สูงขึ้นอย่างมากตามไปด้วย โดยในบางอุตสาหกรรมนั้น วิสาหกิจจีนที่ซึ่งเคยเป็นผู้ตาม ได้พลิกมาเป็นผู้นำบ้างแล้ว เรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างใหม่ในกระบวนแห่งการพัฒนาของจีนอีกครั้งหนึ่ง ต่อจากการปฏิรูปและเปิดประเทศ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นผลมาจากแนวทางทฤษฎีและระบอบที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติจีน ทำให้คนจีนมีความเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้น
จากการเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง ไปจนถึงการจัดประชุมสุดยอดกลุ่มจี 20 ที่เมืองหางโจว จากนโยบาย “1 แถบ 1 เส้นทาง” จนถึงประชาคมร่วมทุกข์ร่วมสุขแห่งมวลมนุษยชาติ บทบาทของจีนบนเวทีสากลเริ่มมีมาดของประเทศใหญ่ที่สามารถแบกรับภาระใหญ่หลวงได้แล้ว พร้อมกันนั้นก็ได้รับการยอมรับและความนับถือจากทั่วโลกมากขึ้นเรื่อยๆด้วย
ดังนั้น “ความมั่นใจในตนเอง” ได้กลายมาเป็นอากัปกิริยาร่วมกันของประเทศและประชาชนจีน ไม่เพียงแต่ชาวจีนทั้งในและนอกประเทศเท่านั้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปและเปิดประเทศ แต่ทั่วโลกเองก็กำลังเรียนรู้และทำความเข้าใจแก่นแท้ “รถไฟแม็กเลฟจีน” อย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกัน
ปัจจุบัน เส้นทางรถไฟความเร็วสูงได้นำจีนเชื่อมต่อไปยังทั่วโลก วิสาหกิจจีนได้นำประสบการณ์และโมเดลรถรุ่นใหม่ๆออกไปนอกประเทศ การดำเนินตามนโยบาย “1 แถบ 1 เส้นทาง” ก็ยังคงรุดหน้าไปเรื่อยๆ ซึ่งทุกย่างก้าวของจีน ก็ได้ยังคุณประโยชน์ให้กับโลกนานัปการ การแสวงหาความก้าวหน้าในแต่ละครั้งนี้ ถือเป็นการเสนอ “เทคโนโลยีจีน” แก่โลก ภูมิปัญญาและคุณูปการจากจีน จึงไม่เพียงแต่จะทำให้ชาวจีนมีเหตุผลที่จะเชื่อมั่นในตนเองมากขึ้นเท่านั้น หากยังช่วยให้ทั่วโลกเกิดความมั่นใจกับการพัฒนาสู่ความเจริญมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพัฒนาของจีน
สำหรับในประเทศจีนเอง ผลประโยชน์และโอกาสต่างๆได้แผ่ขยายครอบคลุมพื้นที่ชนบทที่มากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน โดยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว “ซินหราน” เป็นเด็กในชนบทอีกคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในชั้นประถมปีที่หนึ่ง พ่อแม่ของเธอดีใจมากที่ลูกสาวมีโอกาสเรียนต่อ และที่สำคัญคือ ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าหนังสือแบบเรียนเลยด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนออกนโยบายที่กำหนดว่า จะทำการปรับโอกาสเข้าถึงการศึกษาของเด็กในเขตเมืองและชนบทให้เท่าเทียมกันมากขึ้น และจะดำเนินตามนโยบาย “ฟรีสอง ชดเชยหนึ่ง” คือ เด็กจากครอบครัวที่ยากจนในชนบททั่วประเทศจีน จะได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนและค่าหนังสือแบบเรียน และจะมีเงินชดเชยช่วยเหลือในการดำรงชีพให้อีกจำนวนหนึ่งด้วย
ดังนั้น มณฑลชิงไห่ ดินแดนชั้นในทางตะวันตกของจีน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของซินหรานนั้น ก็ได้ทำการผนวกรวม “แผนการสองระยะ” แต่เดิมของรัฐบาลให้กลายเป็น “แผนการระยะเดียว” โดยเมืองซีหนิง เมืองเอกของมณฑลชิงไห่ ได้ดำเนินการตามนโยบายเรียนฟรีโดยสมบูรณ์ตั้งแต่ปีที่แล้ว ดังนั้น การได้รับยกเว้นไม่ต้องจ่ายค่าเทอมและค่าหนังสือแบบเรียนนั้น คือประโยชน์ส่วนหนึ่งที่ประชาชนในชนบทได้รับจากนโยบายนี้
ทั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนเล็งเห็นว่า การศึกษานั้นได้บรรจุอนาคตของ “บ้านหลังใหญ่” คือประเทศจีนเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เป็นตัวบ่มเพาะความหวังของ “บ้านหลังเล็ก” ของประชาชนนับสิบล้านครัวเรือน รัฐบาลจีนจึงเพิ่มงบประมาณด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี และในแต่ละปีก็จะมีนโยบายใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้เด็กๆ จากครัวเรือนต่างๆ ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นทุกปี
อีกหนึ่งตัวอย่างของการยกระดับความเป็นอยู่พัฒนาพื้นที่ชนบทที่ห่างไกลความเจริญของจีน คือ การพัฒนาตำบลเต๋อซิง ในอำเภอโม่ทัว เขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งเป็นตำบลที่มีชนกลุ่มน้อยเผ่าต่างๆอาศัยอยู่รวมกัน โดยมีชนเผ่า “เหมินปา” เป็นจำนวนมากที่สุด เนื่องจากที่นี่เกิดภัยธรรมชาติบ่อยครั้ง การคมนาคมก็ไม่สะดวก การติดต่อและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารภายนอกเป็นไปได้ยาก ทำให้การพัฒนาเป็นไปได้อย่างเชื่องช้า
แต่เมื่อปี 2013 ทางหลวงสายโม่ทัวสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้รถวิ่ง จึงนับเป็นการปิดฉากประวัติศาสตร์การเป็น “อำเภอเดียวในประเทศจีนที่ถนนเข้าไม่ถึง” ตำบลโม่ทัวที่ล้าหลังห่างไกลความเจริญ ได้ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงจากพื้นที่โดดเดี่ยวมาเป็นพื้นที่คึกคัก การพัฒนาก็รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ข้อมูลทางสถิติของตำบลโม่ทัวแสดงว่า ปีที่แล้ว แหล่งท่องเที่ยวโฮมสเตย์จำนวน 4 แห่งในพื้นที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 5,800 คน สร้างมูลค่าถึง 250,000 หยวน ทำให้ชาวบ้านท้องถิ่นมีรายได้เพิ่มขึ้น 80,000 หยวน พร้อมกันนั้น เกษตรกรผู้เลี้ยงปศุสัตว์ยังจะได้รับเงินชดเชยจากการช่วยปลูกป่า ค่าชดเชยจากการช่วยเป็นหูเป็นตาให้ตามแนวชายแดน และค่าชดเชยจากการเลี้ยงแม่พันธุ์สุกรจากรัฐบาลทุกๆ ปีด้วย