2019-06-11 16:19CRI
จากข้อมูลของสำนักงานด่านศุลกากรแห่งชาติจีน ประกาศเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ยอดการนำเข้าส่งออกของจีนมากถึง 12.1ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4.1 % เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ในวันเดียวกันกระทรวงวัฒนธรรม และการท่องเที่ยวแห่งชาติจีนประกาศว่า ช่วงเทศกาลบะจ่าง จำนวนประชาชนที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว รายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 8.6%
ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างประเทศที่ยกระดับขึ้นในบริบทโลก และการนำเข้าส่งออกระหว่างประเทศที่ชะลอตัวลง การค้ากับต่างประเทศของจีนยังคงเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง การอุปโภคบริโภคช่วงวันหยุดเทศกาลยังคงเพิ่มขึ้น ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่ง มีศักยภาพมาก และมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดี
การนำเข้าส่งออกของจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีจุดเด่นสองประการ คือประการแรก การค้าทั่วไปเติบโตขึ้น 6.1% สะท้อนให้เห็นว่า การยกระดับอุตสาหกรรมของจีนกำลังมีบทบาทมากขึ้นในการพัฒนาเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรมของจีนมีกำลังการแข่งขันมากขึ้นในตลาดสากล
ประการที่สอง แม้ว่ายอดมูลค่าการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ลดลง 9.6% คิดเป็น 11.7% ของยอดมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีน แต่ยอดการนำเข้าส่งออกระหว่างจีนกับหุ้นส่วนการค้าสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป อาเซียน และญี่ปุ่นกลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการนำเข้าส่งออกระหว่างจีนกับประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอัตราเติบโตสูงกว่าดัชนีเฉลี่ยของการค้าต่างประเทศ 4.9% ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า หุ้นส่วนการค้าของจีนนับวันจะมีความหลากหลายยิ่งขึ้น จีนสามารถเพิ่มทักษะในการต้านแรงกดดันจากภายนอกให้เข้มแข็งขึ้น ด้วยวิธีการปรับสภาวะการตลาดระหว่างประเทศ
การที่ดัชนีการค้าต่างประเทศ และการอุปโภคบริโภคช่วงเทศกาลของจีนในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ดีกว่าที่คาดการณ์ ถือเป็นเรื่องไม่ง่าย เพราะเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ที่สหรัฐฯ ยกระดับความขัดแย้งทางการค้ากับจีนอีกครั้งหนึ่ง
จริงๆ แล้ว หากจีนไม่สามารถขจัดความยากลำบากทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ก็คงไม่ประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ หลังผ่านการทดสอบจากวิกฤตการเงินในเอเชียปี 1997 และวิกฤตการเงินระหว่างประเทศปี 2008 เศรษฐกิจจีนมีความแข็งแกร่งและมั่นคงมากยิ่งขึ้น ปัจจุบัน จีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสอง เป็นประเทศอุตสาหกรรมใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง เป็นประเทศการค้าสินค้าใหญ่อันดับหนึ่ง และเป็นประเทศที่มีเงินตราต่างประเทศสำรองมากที่สุดในโลก ยอดมูลค่าเศรษฐกิจจีนมีมากกว่า 90 ล้านล้านหยวน จีนยังมีตลาดอุปโภคบริโภคที่มีประชากร 1,400 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ จีนยังมีระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก ทั้งนี้ทำให้จีนมีความมั่นใจในการรับมือกับปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ผันผวน
นอกจากนี้ การพัฒนาที่มีคุณภาพเป็นจุดเด่นอีกจุดหนึ่งของเศรษฐกิจจีน ปัจจุบัน ความต้องการภายในประเทศกลายเป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ มีอัตราส่วนที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสูงถึง 100 % ขณะที่เศรษฐกิจส่วนที่ต้องพึ่งพาการค้ากับต่างประเทศของจีนลดลงเหลือเพียง 33% ขณะเดียวกัน โครงสร้างเศรษฐกิจจีนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อปี 2018 รายจ่ายด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีของจีนคิดเป็น 2.18% ของจีดีพี ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เข้ามามีส่วนร่วมสูงถึง 58.5% ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีน เมื่อปีที่แล้ว จีนถูกจัดอยู่ใน 20 อันดับแรกของการพัฒนานวัตกรรมโลกเป็นครั้งแรก การเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนา และการขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ทำให้จีนมีทักษะที่เข้มแข็งขึ้นในการรับมือกับความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจจากภายนอก
ปัจจุบัน จีนกำลังเปิดสู่ภายนอกมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กำลังกลายเป็นแหล่งลงทุนที่ดีของเงินทุนต่างชาติ ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เงินทุนต่างประเทศที่จีนได้นำไปใช้แล้วเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว ผู้รับผิดชอบของบริษัทข้ามชาติหลายๆ แห่ง เช่น บริษัทควอลคอมม์ (Qualcomm) บริษัทในเครือโอเอสไอ กรุ๊ป (OSI Group) บริษัท Jaguar Land Rover และบริษัท ชไนเดอร์ (Schneider Electric) ล้วนออกมาแสดงท่าทีว่า มีความปรารถนาที่จะมาลงทุนในจีน เพื่อมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาที่มีคุณภาพของจีน
เศรษฐกิจจีนที่เติบโตขึ้นอย่างมั่นคงยังส่งผลให้เศรษฐกิจโลกมีความมั่นคงด้วย หลายปีมานี้ เศรษฐกิจจีนมีส่วนช่วยในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจโลกมากกว่า 30% นาย ฌอน ปิแอร์ ราฟฟาริน (Jean-Pierre Raffarin) อดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวไว้ว่า ความเป็นไปได้ของแนวโน้มการพัฒนาเศรษฐกิจจีนเป็นสิ่งล้ำค่าในโลกปัจจุบัน จากการคาดการณ์ขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ โออีซีดี จีนจะยังคงเป็นประเทศที่มีส่วนช่วยเหลือการพัฒนาเศรษฐกิจโลกมากที่สุด
(bo/cai)