2019-08-20 11:35CRI
เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ช่วงขาลง และมีแนวโน้มถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด
ในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ระดับ 3.1% ส่วนในไตรมาสที่สองลดลงไปที่ระดับ 2.1% ขณะที่ไตรมาสที่สามลดลงต่ำสุดถึง 1.5% ตามการคาดการณ์ของเฟดในช่วงปีนี้ และปี 2020 อัตราการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ จะอยู่ที่ 2.1% และ 2.0% ซึ่งต่ำกว่า 2.9% ในปี 2018
ในด้านการนำเข้าและส่งออก สถิติจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ การนำเข้า-ส่งออกสินค้ามีอัตราลดลง 0.2% เมื่อแบบรายปี ในขณะที่ปริมาณการส่งออกสินค้าลดลง 1% เมื่อเทียบแบบรายปี ในไตรมาสที่สองของปีนี้ สัดส่วนการส่งออกทั้งหมดใน GDP ของสหรัฐฯ คิดเป็น -0.6% นอกจากนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ หรือ PMI ยังปรับตัวลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2009 แสดงให้เห็นว่า อุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 โดยภาคการผลิตเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะถดถอยนี้
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ย่อมจะทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น คาดการณ์อัตรากำไรของบริษัทต่าง ๆ ลดลง ขณะที่ผู้นำเข้าและผู้บริโภคสหรัฐฯ ต้องแบกรับภาระทั้งหมด ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงถดถอยลง
ปัจจุบัน ภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมสหรัฐฯ กำลังสัมผัสถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากการเพิ่มอัตราภาษี ขณะเดียวกัน เสียงค้านก็นับวันยิ่งดังขึ้น อย่างไรก็ตาม นักการเมืองกลับไม่ได้สนใจข้อมูลทางเศรษฐกิจ และพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง ซึ่งถือเป็นท่าทีเมินเฉยและไร้ความรับผิดต่อสาระทุกข์สุขดิบของประชาชนชาวอเมริกันแม้แต่น้อย
Tim/Lei/Zhou