2020-04-15 18:52CRI
ทำงานมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ต้าเหลียนรู้สึกหายใจลำบากนิดหน่อย และเขาทราบว่า โรคติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการหายใจลำบาก ก็กังวลว่าตัวเองได้ติดเชื้อไปแล้ว มีอยู่คืนหนึ่งที่นอนไม่หลับ เขาติดต่อกับสถานีวิทยุของเมืองต้าเหลียนและเล่าเรื่องของตน
สถานีวิทยุของเมืองต้าเหลียนรับทราบประสบการณ์ของเขาแล้ว ก็ช่วยติดต่อกับทีมช่วยเหลืออู่ฮั่นของเมืองต้าเหลียน สมาชิกทีมช่วยเหลือเห็นใจและส่งสิ่งของให้เขา พร้อมยังช่วยติดต่อกับคณะกรรมการสุขภาพอนามัยของเมืองต้าเหลียน เพื่อให้ต้าเหลียนสามารถกลับบ้านร่วมกันเมื่อทีมช่วยเหลือที่เสร็จหน้าที่ออกจากเมืองอู่ฮั่น
และเนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ของต้าเหลียนยังไม่ทราบประสบการณ์ครั้งนี้ของเขา และยังคิดว่า ลูกชายอยู่ในเมืองฉางซา สมาชิกทีมช่วยเหลือก็ติดต่อกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องในเมืองต้าเหลียน ให้ช่วยดูแลพ่อแม่ของเขาด้วย
ในที่สุด แพทย์ช่วยตรวจสุขภาพของต้าเหลียนและยืนยันว่า ต้าเหลียนไม่ได้ป่วย การที่หายใจลำบากเพราะว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการใส่หน้ากากมาก่อน พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วก็ทำงานหนักและใส่หน้ากากด้วย ก็เลยรู้สึกหายใจลำบาก
ต้าเหลียนบอกว่า เมื่อเพิ่งไปถึงโรงพยาบาล กลัวมาก ไม่กล้าสัมผัสสิ่งใด โดยในสมองรู้ดีว่าควรทำอะไร แต่ก็ไม่กล้าทำ และก็ไม่กล้าคุยกับผู้ป่วย แต่เขาอยากให้ทุกคนรู้ว่าเขามาจากเมืองต้าเหลียน ถ้ามีคนมาจากที่เดียวกัน สามารถดูแลกันได้ ก็เลยเขียนคำว่า “ต้าเหลียน” บนชุดป้องกัน
เมื่อผู้ป่วยเห็นแล้วก็คุยกับเขาว่า เมืองต้าเหลียนอยู่ห่างไกลมาก ทำไมมาตรงนี้ มาทำอะไร มาช่วยเหลือเราหรือ ขอบคุณมาก เป็นต้น ต่อมาเขาก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น เห็นผู้ป่วยหลายคนหายดีเป็นปกติ และออกจากโรงพยาบาลแล้ว ต้าเหลียนจึงไม่ได้กลัวขนาดนั้นอีกแล้ว เขาบอกว่า ทำงานหนักก็จริง แต่เขาไม่กลุ้มใจ เหนื่อยแล้วก็นอน ตื่นแล้วก็ทำงาน เขารู้สึกเป็นชีวิตที่ดีมาก
ต้าเหลียนเขียนข้อความตัวใหญ่ๆ ว่า “นี่เป็นที่พักของหนุ่มจากเมืองต้าเหลียน เป็นผู้เฝ้าดูแลชั้น 9 ถ้าต้องการความช่วยเหลือให้เรียกหาต้าเหลียน” และติดบนประตูห้องที่เขาพักผ่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ แพทย์และพยาบาลทุกคนรู้จักเขา เมื่อได้ยินเรื่องของเขา ทุกคนรู้สึกแปลกใหม่มาก และชื่นชมว่า เขามีความสามารถการดำรงชีวิตที่เข้มแข็งมาก
ปัจจุบัน ทีมรักษาพยาบาลที่ช่วยเหลือมณฑลหูเป่ยจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนทยอยกลับบ้านแล้ว ได้รับผลสำเร็จในการรักษาผู้ป่วยและการต่อต้านไวรัส ต้าเหลียนก็ได้กลับบ้านแล้ว เขาบอกว่า หวังว่าหลังจากเมืองอู่ฮั่นปลดคำสั่งปิดเมืองแล้ว สามารถไปชมดอกซากุระที่มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น ซึ่งเป็นทิวทัศน์ที่มีชื่อเสียงของจีน
เรื่องของต้าเหลียนแพร่หลายทางอินเตอร์เน็ต และสถานีวิทยุของเมืองต้าเหลียนก็ออกอากาศเรื่องของเขาทุกวัน ชาวเน็ตจีนชื่นชมว่า หนุ่มคนนี้พบปัญหาแล้วไม่หวาดกลัว หาทางแก้ไขด้วยความใจเย็น ต่อไปนี้ย่อมจะพัฒนาอาชีพได้ดีมาก
บางคนคอมเมนท์ว่า เขาลงรถตามที่เจ้าหน้าที่รถไฟบอก ถือว่าเป็นคนที่มีความรับผิดชอบ และทำงานในโรงพยาบาล ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม เผชิญกับเรื่องร้ายไม่คาดคิดด้วยความใจเย็น เป็นหนุ่มที่ดีมากๆ
บางคนก็เห็นใจและคอมเมนท์ว่า เห็นเรื่องนี้แล้ว ตอนแรกรู้สึกตลก ต่อมารู้สึกซาบซึ้งใจมาก ป้องกันตัวเองให้ดีๆนะ
ปัจจุบัน สภาพการณ์ในเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ย ตลอดจนทั่วประเทศจีนปรับดีขึ้นมาก ซึ่งนอกจากการตัดสินใจและมาตรการฉับไวของรัฐบาลแล้ว ยังมีผู้ที่เป็นคนธรรมดาอย่างต้าเหลียนคอยช่วยเหลือมากมาย จึงทำให้เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยและทั่วประเทศจีนสามารถเอาชนะได้เร็วขนาดนี้
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ชาวจีนทุกคนมีความสามัคคี อยากมีส่วนร่วมเพื่อช่วยประเทศผ่านพ้นวิกฤตเร็วๆ โดยนอกเหนือจากเจ้าหน้าที่ทางการรักษาพยาบาลที่ทยอยไปช่วยเหลือมณฑลหูเป่ย ซึ่งมีสถานการณ์รุนแรงมากที่สุดแล้ว ยังมีอาสาสมัครเหมือนกับต้าเหลียนอีกมากมาย และทุกคนมีเรื่องที่ทำให้เราซาบซึ้งใจมาก
มีผู้ที่ช่วยซื้ออาหาร ยา และสิ่งของในชีวิตประจำวันให้ชาวบ้าน มีผู้ขับรถช่วยส่งผู้ที่ต้องทำงานกลับบ้าน มีเจ้าของร้านอาหารส่งอาหารให้เจ้าหน้าที่รักษาพยาบาล เป็นต้น ทุกคนยินดีที่จะเสนอกำลังของตนเอง เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัส
ในชุมชนแห่งหนึ่งของเมืองอู่ฮั่น มีครอบครัวหนึ่งที่ทุกคนเป็นอาสาสมัคร ภรรยาช่วยซื้อยาให้ชาวบ้าน สามีช่วยซื้ออาหารและสิ่งของป้องกันการติดเชื้อให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ส่วนคุณแม่ช่วยทำความสะอาดฆ่าเชื้อในชุมชน และคอยปลอบให้กำลังใจแก่ชาวบ้านที่มีความเดือนร้อน ส่วนคุณพ่อก็ช่วยฆ่าเชื้อ และตรวจสอบลงทะเบียนข้อมูลของทุกบ้านในชุมชน พวกเขาบอกว่า ทุกคนในครอบครัวนี้อยากทุ่มกำลังของตนให้กับเมืองอู่ฮั่น
นอกจากนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ คณะนักวิจัยของจีนได้ผลิตวัคซีนออกมา และรับสมัครผู้ทดลอง ก็มีอาสาสมัครจำนวนมาก จาง เมิ่ง สาวเมืองอู่ฮั่น เป็นหนึ่งในอาสาสมัครทดลองวัคซีน เธอบอกว่า เมื่อสถานการณ์โรคระบาดของเมืองอู่ฮั่นรุนแรงมาก เพื่อนๆ รอบข้างต่างเป็นอาสาสมัคร เธอก็อยากไป แต่ตอนนั้นพ่อแม่ห่วง ไม่ให้เธอออกนอกบ้าน
แต่ครั้งนี้เมื่อได้ยินข่าวเปิดรับผู้ทดลองวัคซีน เธอจึงรีบอาสา เธอเห็นว่า สามารถใช้กำลังของตนช่วยสร้างผลงานนิดหน่อยในการป้องกันโควิด-19 ก็ถือว่าสมหวังแล้ว ชาวเน็ตต่างชื่นชมเธอ แต่เธอเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องที่ชาวอู่ฮั่นควรทำ ถึงแม้ว่าเธอไม่มา ก็จะมีชาวอู่ฮั่นจำนวนมากมาทำ
มีเจ้าหน้าที่รักษาพยาบาลที่ทุ่มกำลังเพื่อรักษาผู้ป่วย ประชาชนปฏิบัติตามข้อเสนอของผู้เชี่ยวชาญและรัฐบาล และมีอาสาสมัครจำนวนมากที่ยินยอมให้บริการชาวบ้าน ทุกฝ่ายมีความสามัคคีจึงทำให้สถานการณ์ของจีนดีขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้าย ขออ้างคำกล่าวของอาสาสมัครคนหนึ่งว่า “ที่ไหนต้องการความช่วยเหลือ เราก็จะไปที่นั่น” พยายามสร้างผลงานให้กับสังคม ซึ่งก็เป็นน้ำใจของอาสาสมัครทุกคน