ท่านผู้ฟังครับ การประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งที่ 2 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในปลายเดือนเมษายนนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนจะกล่าวคำปราศรัยในพิธีเปิดประชุมครั้งนี้ วันนี้เ เราจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ให้ท่านผู้ฟังรับทราบ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ระหว่างเดินทางไปเยือนเอเชียกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมปี 2013 ตามลำดับ ข้อริเริ่มนี้ระบุว่า จีนจะร่วมมือกับประเทศต่างๆทั่วโลก ในการสร้าง “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม และเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21” หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ได้กำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่า จะอำนวยประโยชน์แก่ประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อชัยชนะร่วมกัน
ประเทศที่มีส่วนร่วมในข้อริเริ่มนี้จะต้องเสริมการปรึกษาหารือกันอย่างกว้างขวาง ร่วมกันใช้ความพยายาม และร่วมกันแบ่งปันผลประโยชน์อย่างทั่วถึง ต้องมีการประสานนโยบายการพัฒนา เชื่อมต่อโครงสร้างขั้นพื้นฐาน อำนวยความสะดวกทางการค้าแก่กัน และทำให้เงินทุนสามารถหมุนเวียนได้อย่างคล่องตัว
จนถึงขณะนี้ มีกว่า 100 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศที่สมัครเข้าร่วมการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” นอกจากนี้ ยังมีกว่า 40 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับจีน
“แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” ได้เชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อยู่ทางตะวันออกกับภูมิภาคยุโรปที่อยู่ทางตะวันตกเข้าด้วยกัน จึงเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่ยาวที่สุด และคึกคักที่สุดในโลก
สำหรับ “เส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21” จะเริ่มต้นจากการดำเนินโครงการความร่วมมือต่างๆ แล้วค่อยๆขยายขอบเขตและพื้นที่ความร่วมมือ เพื่อกระชับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประเทศและเขตแคว้นตามรายทาง และเชื่อมต่อเครือข่ายตลาดระหว่างอาเซียน เอเชียใต้ เอเชียตะวันตก แอฟริกาเหนือ และยุโรป รวมทั้งพัฒนาแถบเศรษฐกิจความร่วมมือทางยุทธศาสตร์สู่ทะเลจีนใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก และมหาสมุทรอินเดีย
เจตนารมณ์ “เส้นทางสายไหม” เกิดขึ้นจากการไปมาหาสู่กันระหว่างประเทศต่างๆ ตามรายทางเส้นทางสายไหมที่มีประวัติศาสตร์นับพันปีเจตนารมณ์เส้นทางสายไหม เน้นความสามัคคี ไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน อำนวยประโยชน์แก่กัน ยอมรับและศึกษาเรียนรู้ซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันเพื่อชัยชนะร่วมกัน
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม ปี 2014 กองทุนเส้นทางสายไหมก่อตั้งขึ้นที่กรุงปักกิ่ง หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิงประกาศเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนปีเดียวกันว่า จีนจะลงทุน 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อก่อตั้งกองทุนดังกล่าว กองทุนนี้จะสนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน โครงการพัฒนาทรัพยากร และโครงการความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของประเทศรายทางเส้นทางสายไหม
ส่วนธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชียเป็นองค์กรการเงินระดับภูมิภาคระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล เน้นสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน ธนาคารแห่งนี้เป็นองค์กรการเงินข้ามชาติแห่งแรกที่จีนริเริ่มให้ก่อตั้งขึ้น ปัจจุบัน สมาชิกของธนาคารแห่งนี้มีกว่า 70 ประเทศ รองลงจากธนาคารโลกเท่านั้น
ขณะเดียวกัน จีนได้จัดตั้งหน่วยงานดูแลการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” โดยมีหน้าที่ศึกษาและดูแลประเด็นสำคัญต่างๆ เกี่ยวกับการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เช่น การวางแผน การกำหนดนโยบาย และการดำเนินโครงการสำคัญ เพื่อให้คำชี้แนะและช่วยประสานความร่วมมือระหว่างฝ่ายต่างๆ ในการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จีนยังได้ประกาศวิสัยทัศน์และแผนปฏิบัติการเกี่ยวกับการสร้าง “แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม” และ “เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21” โดยได้อธิบายถึงที่มาในการริเริ่มสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” หลักการที่ต้องยึดมั่นในการดำเนินความร่วมมือ แนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”โดยสังเขป ขอบเขตความร่วมมือสำคัญ และกลไกความร่วมมือในการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
เมื่อเร็วๆ นี้ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า การประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งที่ 2 จะจัดขึ้นในปลายเดือนเมษายนนี้ ณ กรุงปักกิ่ง ตามความปรารถนาของประเทศรายทาง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” การประชุมครั้งนี้เป็นกิจการทางการทูตสำคัญที่สุดที่จีนเป็นเจ้าภาพในปีนี้ และก็เป็นกิจการระหว่างประเทศที่ทั่วโลกติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะกล่าวปราศรัยในพิธีเปิดการประชุม และจะเป็นประธานในการประชุมโต๊ะกลมผู้นำ ระหว่างการประชุม จะมีการจัดประชุมกลุ่มย่อยต่างๆ เช่น การประชุมระดับสูง การประชุมฟอรั่มในหัวข้อต่างๆ และการประชุมซีอีโอ
การประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งที่ 2 มีจุดเด่น 3 ประการดังนี้ คือ ประการแรก ประมุขและหัวหน้ารัฐบาลต่างประเทศที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีจำนวนมากกว่าการประชุมครั้งแรกอย่างมาก ประการที่ 2 ผู้ร่วมการประชุมครั้งนี้มีจำนวนหลายพันคนจากกว่า 100 ประเทศ ซึ่งมากกว่าการประชุมครั้งแรกอย่างมากเช่นกัน และประการสุดท้าย การประชุมครั้งนี้จะจัดกิจกรรมที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งมีการประชุมกลุ่มย่อยใน 12 หัวข้อ เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ยังมีการจัดประชุมนักธุรกิจเป็นครั้งแรก เพื่อสร้างช่องทางความร่วมมือสำหรับบรรดานักธุรกิจโดยเฉพาะด้วย
ธีมของการประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ครั้งนี้คือ “ร่วมสร้างหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เพื่ออนาคตอันดีงาม” โดยกำหนดเป้าหมายจะทำให้เกิดการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับสูงภายใต้ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” จีนมีความปรารถนาที่จะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับทุกฝ่าย
เกี่ยวกับการวางแผนความร่วมมือในการสร้าง “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ในอนาคต
จีนและผู้ร่วมประชุมจากประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการพัฒนาที่มีคุณภาพในระดับสูง จะยึดมั่นในหลักการร่วมปรึกษาหารือกัน ร่วมมือกัน และรับประโยชน์ร่วมกัน จะสนับสนุนแนวความคิดที่ให้มีการเปิดกว้าง มีความโปร่งใส และการยอมรับกันในการดำเนินความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และมุ่งมั่นสู่การพัฒนาแบบสีเขียวและยั่งยืน
จีนกับประเทศต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะแสวงหาส่วนเกื้อกูลกันระหว่างข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศเหล่านี้ให้มากขึ้น เร่งดำเนินโครงการความร่วมมือสำคัญ ขับเคลื่อนการปฏิบัติวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนปีค.ศ. 2030 ของสหประชาชาติ ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากขึ้นขณะลงลึกความร่วมมือในด้านต่างๆ
จีนจะปฏิบัติตามแนวความคิดที่ให้มีชัยชนะร่วมกัน เน้นการเชื่อมต่อโครงสร้างขั้นพื้นฐาน เพื่อเสริมพลังขับเคลื่อนการพัฒนาร่วมกัน กระชับความสัมพันธ์หุ้นส่วนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
จีนจะยึดมั่นในนโยบายเปิดประเทศ จะร่วมกับทุกฝ่ายสนับสนุนเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ และรักษาปกป้องความเป็นพหุภาคีของโลก อีกทั้งร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างเศรษฐกิจโลกแบบเปิดกว้าง
เฉกเช่นที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า จีนเป็นผู้ริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” แต่ประโยชน์ที่เกิดจากข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” นั้น จะเป็นของประเทศต่างๆทั่วโลกด้วย จีนมีความปรารถนาและเชื่อมั่นว่า การประชุมสุดยอด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งที่ 2 จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน และเป็นอีกเหตุการณ์สำคัญในการดำเนินความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนยังกล่าวอีกว่า 6 ปีนับตั้งแต่จีนเสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”เป็นต้นมา “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ได้กลายเป็นช่องทางความร่วมมือที่มีขนาดใหญ่สุดของโลก อีกทั้งยังเป็นโครงการสาธารณะระดับโลกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด จนถึงขณะนี้ มี 123 ประเทศ และ 29 องค์กรระหว่างประเทศได้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับจีน พวกเขาได้ให้คะแนนเสียงที่สูงในการสนับสนุนและเชื่อมั่นข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”
การสร้าง“หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”ได้ยึดมั่นในหลักการร่วมปรึกษาหารือ และร่วมมือกันเพื่อชัยชนะร่วมกันมาโดยตลอด ข้อริเริ่มนี้ได้สร้างโอกาสมหาศาลให้แก่ทุกฝ่าย
แน่นอน ข้อริเริ่มใหม่ๆทุกอย่างต้องการเวลาการพัฒนาต่อไป จีนยินดีรับฟังข้อเสนอเชิงสร้างสรรค์จากประเทศที่มีส่วนร่วมในความร่วมมือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงหลักการร่วมปรึกษาหารือ ร่วมมือกันเพื่อชัยชนะร่วมกันอย่างแท้จริง จีนเชื่อมั่นว่า ด้วยการใช้ความพยายามของทุกฝ่าย ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง”จะทำให้เส้นทางสายไหมโบราณมีความเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งในยุคสมัยใหม่ และจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้ชนชาติและประเทศต่างๆ ทั่วโลกร่วมกันสร้างประชาคมโลกที่มีอนาคตร่วมกัน