คุณหลี่โจจวน ผู้ช่วยครูใหญ่ เป็นชาวชนชาติหยีที่เกิดในอำเภอจิ่งตงให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า
"วิธีช่วยเหลือนักเรียนยากจนมีหลายวิธี เช่น ยกเว้นค่าเล่าเรียน ช่วยหาผู้มีเมตตาในสังคม บริจาคเงินและสิ่งของ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้บรรดาครูช่วยเหลือนักเรียนยากจนทั้งการเรียนการสอนและจิตใจ เพื่อให้พวกเขามั่นใจในอนาคต"
คุณหลี่โจจวนเล่าเรื่องนักเรียนยากจนคนหนึ่งให้ฟังว่า มีนักเรียนกำพร้าพ่อแม่คนหนึ่ง ชื่อ อู่ เจี้ยนเสียง เป็นชนชาติหยีเหมือนกัน ทางบ้านมีทรัพย์สินเพียงสองอย่าง คือกระท่อมหลังหนึ่ง และต้นวอลนัทต้นหนึ่ง ปี 2006 เขาเรียนจบระดับมัธยมต้น และสอบเข้าโรงเรียนจิ่งตง ที่ 1 แต่เขาไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียน 500 หยวน ทางโรงเรียนจึงพยายามติดต่อกับผู้เมตตาในสังคมหลายคน แก้ปัญหาค่าเล่าเรียนให้เขาทุกปี เด็กอู่ เจี้ยนเสียงก็ขายต้นวอลนัทไป ได้ 280 หยวน เป็นค่าครองชีพ ครูหลายคนในโรงเรียนก็ให้เงินคนละเล็กน้อยเป็นประจำเพื่อเป็นค่าครองชีพ
คุณหลี่โจจวนได้รับเลือกเป็นผู้แทนของสภาเป็นเป็นเวลา 5 ปีแล้ว เธอเล่าให้ฟังว่า
"ใน 5 ปีมานี้ ได้เห็นกับตาว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างจริงจัง ปีที่แล้ว ได้เริ่มนโยบายยกเว้นค่าเล่าเรียนภาคบังคับ 9 ปี เห็นได้ชัดว่าปรับปรุงอุปกรณ์การเรียนการสอนดีขึ้น ครูและผู้ปกครองต่างก็ดีใจกันใหญ่ เด็กๆล้วนมีโอกาสเท่าเทียมกันกับเด็กในเขตที่เศรษฐกิจพัฒนา ต่อไป พวกเขาก็มีโอกาสสอบเข้ามหาวิทยาลัย และสามารถพัฒนาตนได้เหมือนเด็กในท้องถิ่นอื่นๆ"
ตั้งแต่ปี 1999 สถาบันอุดมศึกษาของจีนต่างก็ใช้นโยบายรับนักศึกษาเพิ่ม เด็กจากเขตชนชาติส่วนน้อยและเขตยากจนยังได้รับสิทธิพิเศษในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
คุณหวังเลี่ยนเป็นผู้แทนจากสถาบันชนชาติของมณฑลกุ้ยโจวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ทางสถาบันได้รับนักศึกษาชนชาติม้ง ตุ้ง ปู้อี ชนชาติเกอเหล่าและชนชาติสุ่ยเป็นต้น
"สำหรับนักศึกษาเหล่านี้ นอกจากยกเว้นค่าเล่าเรียนปีละ 6000 หยวนแล้ว ยังให้รางวัลแก่นักศึกษาดีเด่นด้วย ค่าหอพัก ก็ลดถึงต่ำสุด ห้องหนึ่งอยู่ได้ 8 คน ปีละ 300 หยวนเท่านั้น"
คุณหวังเลี่ยนยังกล่าวด้วยความภูมิใจว่า สิ่งที่น่าดีใจคือ เด็กยากจนในอดีตโดยทั่วไปเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว ต่างก็มีงานทำอย่างดี แต่พวกเขาไม่ได้ลืมบ้านเกิดตน พวกเขาพยายามตอบแทนสังคม บางคนส่งเสียค่าเล่าเรียนให้เด็กยากจนในบ้านเกิดจนตลอดรอดฝั่ง บางคนเปิดธุรกิจส่วนตัว ก็เสนอให้ชาวบ้านไปทำงาน และสร้างงานให้เพื่อนบ้านในบ้านเกิดด้วย
ท่านผู้ฟังค่ะ เราเชื่อมั่นว่า คำสั่งของนายกรัฐมนตรีเวินเจียเป่าที่กล่าวในวันที่ 5 มีนาคมว่า "ต้องให้เด็กทุกคนมีโอกาสเข้าโรงเรียน และเรียนได้ดี" จะได้รับการปฏิบัติตามและเป็นจริงได้ในไม่ช้านี้ 1 2
|