แต่ว่ากันว่าอาหารจีนที่รสชาติเลอเลิศนั้นต้องมาจากมณฑลกวางตุ้ง และคนกวางตุ้งเองก็เป็นนักชิมชั้นดี แต่หลังมานี้อาหารเสฉวนกลับได้รับความนิยมแซงหน้าขึ้นมา เพราะปัจจุบันคนจีนนิยมทานเผ็ดกันมากขึ้น และอาหารเสฉวนนั้นก็มีทั้งรสเผ็ดและซ่า หรือที่เรียกว่า "หมาล่า" อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้อาหารเสฉวนแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีน ก็เพราะจำนวนประชากรที่มีมากเป็นอันดับหนึ่ง จนมีคนกล่าวว่า ถ้ามีคนนั่งอยู่ด้วยกัน 4 คน หนึ่งในนั้นต้องมีคนเสฉวนด้วย และสาเหตุนี้กระมังที่ทำให้อาหารเสฉวนเดินทางไปอยู่ทั่วประเทศ และได้รับความนิยมจากคนมณฑลอื่นๆ
ท่านผู้ฟังอย่าลืมนะครับว่าประเทศจีนนั้นมี 4 ฤดู อุณหภูมิทางภาคใต้และภาคเหนือแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อาหารการกินก็เลยแตกต่างกันไปตามลักษณะของภูมิประเทศ วัฒนธรรมอาหารของจีนจึงเป็นเรื่องที่เล่าอย่างไรก็ไม่มีวันจบ แถมยังมีประวัติศาสตร์มายาวนานทั้งสิ้น
แต่ด้วยปัจจุบันที่การเดินทางจากเหนือสุดไปใต้สุดของประเทศใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง อาหารของแต่ละมณฑลจึงเดินทางข้ามกันไปมาได้รวดเร็วด้วยเช่นกัน ยิ่งในปักกิ่งซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ จึงย่อมมีอาหารให้เลือกรับประทานจากทุกมณฑล จากทุกเขตปกครองตนเอง และจากประเทศต่างๆ อีกด้วยซ้ำ
และแหล่งรวมอาหารที่ขึ้นชื่อที่สุดสำหรับผู้ที่มาเยือนปักกิ่งและอยากลิ้มลองอาหารนานาชนิด ผมขอแนะนำแบบชิมไปชมไปได้ที่ถนนกุ่ยเจีย ถนนอาหารสายสำคัญของกรุงปักกิ่ง ที่เปิดให้เติมความอิ่มหนำสำราญแบบตลอดวันตลอดคืน
แม้ร้านอาหารบนถนนกุ่ยเจียจะเปิดประตูต้อนรับทุกเวลา แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับนิยมมารับประทานในช่วงเย็น โดยเฉพาะในช่วงดึกดื่นที่ร้านในเขตอื่นพากันปิดจนหมดแล้ว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า ต้นกำเนิดของ "กุ่ยเจีย" นั้น มาจากตอนกลางคืนอันมืดมิดนี่เอง
เดิมทีถนนเส้นนี้เป็นเพียงตรอกเล็กๆ ที่เป็นตลาดสำหรับชาวบ้าน มีผักสด ผลไม้ และของใช้จิปาถะอื่น เช่นที่ตลาดควรจะมี แต่จะเปิดขายช่วงหลังเที่ยงคืนจนถึงย่ำรุ่ง
จริงๆ แล้วคำว่า "กุ่ย" ที่แปลว่า "ผี" นั้น พ้องเสียงกับอีก "กุ่ย" หนึ่งที่หมายความว่า "หม้อปากกลม" ที่ใช้บรรจุอาหารในสมัยโบราณ
แต่ด้วยบรรยากาศการซื้อ-ขาย ที่เกิดขึ้นในเวลาดึกดื่น คนซื้อมักจะจุดตะเกียงน้ำมันเพื่อให้แสงสว่าง ส่วนคนซื้อก็จะเดินถือโคมไฟมาด้วยเพราะเป็นเวลามืดค่ำ และแสงจากโคมไฟวอมแวมนี่เอง คนสมัยก่อนจึงนิยมเรียกสถานที่แห่งนี้ว่าในความหมายว่า "ตลาดผี" มากกว่า
1 2 3 4 5
|