และถ้าท่านผู้ฟังเพลิดเพลินกับการกินจนดึกดื่นเที่ยงคืน ขากลับท่านก็คงต้องใช้บริการรถแท็กซี่อย่างแน่นอนครับ เพราะอย่างที่ทราบกันว่ารถใต้ดินของเราหมดแค่ 5 ทุ่ม
วันนั้นผมเดินจาก ตามถนนมาเรื่อยๆ แวะชิมกุ้งแดงอันลือชื่อ ซึ่งเหลือใส่กล่องหิ้วออกมาด้วย อาหารจีนจานหนึ่งนั้น ถ้าไปคนเดียวผมไม่เคยทานหมดเลย จะต้อง "ต่าเปา" หรือใส่กล่องกลับมาด้วยทุกครั้ง จะสั่งอย่างอื่นอีก ก็กลัวทานไม่หมดเป็นภาระที่ต้องหอบพะรุงพะรัง จึงติดไว้ว่า คราวหน้าจะมาทานอย่างอื่นอีก
หลังจากทานเสร็จ ผมก็ออกมาเดินย่อยถ่ายภาพถนนทั้งสองฝั่ง แต่ไม่ค่อยสนุกสนานเหมือนถ่ายรูปที่อื่นๆ นัก เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่สีแดงของโคมไฟ เล็งมุมไหนก็ได้ภาพออกมาไม่ต่างกัน จึงเก็บกล้องใส่กระเป๋า เปลี่ยนมาเป็นการไล่สายตาไปตามหน้าร้านต่างๆ ที่มีเมนูกางไว้ ว่าร้านไหนน่าแวะมานั่งในครั้งต่อไป
ผมเดินมาจนสุดถนนอีกฝั่งหนึ่ง มองเห็นทางขึ้นของรถไฟใต้ดินเขียนไว้ว่า "เป่ยซินเฉียว" (Beixinqiao) ผมก็ร้องอ๋อทันที ควักแผนที่ออกมาดู ปรากฏว่าผมเดินมาจนถึงสถานีรถไฟใต้ดินสายที่ 5 และผมก็จำที่นี่ได้เป็นอย่างดี เพราะครั้งหนึ่งผมเคยมาเดินหลงอยู่ที่นี่ในตอนกลางคืน และก็กลับมาทบทวนอีกครั้งในตอนกลางวัน จนจำเส้นทางตรงแยกนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เพราะเป็นเส้นทางที่ผมเดินไปยังหนันหลัวกู่เซี่ยงถนนบาร์เงียบที่ฮิปที่สุดของปักกิ่ง และยังสามารถเดินต่อไปยังหอระฆัง หอกลอง และทะเลสาบโฮ่ไห่แหล่งบันเทิงยามค่ำคืนอันแสนอึกทึกตื่นใจของปักกิ่ง
คนที่มาเที่ยวสถานบันเทิงยามราตรีเหล่านี้ เมื่อดื่มกินกันจนเมามายแล้ว โดยมากก็จะมาต่อกันที่กุ่ยเจีย เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนนอน จะได้หลับสบายขึ้น
ส่วนผมกินอิ่มแล้วจึงค่อยไปหนันหลัวกู่เซี่ยงเป็นการสลับขั่วกัน กะว่าจะไปนั่งกินกาแฟที่ "ร้านซานเคอสู้" หรือ "ต้นไม้ 3 ต้น" สักแก้วค่อยกลับบ้านนอน แต่พอเดินผ่านตัวสถานีเป่ยซินเฉียวมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกได้ไม่นาน ผมก็สะดุดตากับร้านที่มีชื่อว่า "Waiting for Godot" มองข้างหน้าราวกับร้านเครื่องเขียนเพราะมีสมุดบันทึกและดินสอปากกาวางอัดแน่นหน้าร้าน แต่พอมองไปอีกทางหนึ่งกลับพบขวดเหล้าและไวน์วางขายเต็มชั้น จึงผลักประตูเดินเข้าไปในร้าน ปรากฎว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟที่ขายเครื่องดื่มมึนเมาด้วย ร้านจัดเรียบง่าย ประดับด้วยแผ่นเสียงและแผ่นภาพยนตร์แบบลองเพลย์หายาก มีโซฟาหลายมุม แต่ละมุมมีโคมไฟโค้งแบบตั้งพื้น ผนังระบายด้วยสีเขียวเข้ม และไม่ต้องมีวอลเปเปอร์ เพราะมีลายมือเขียนด้วยช็อกสีขาวของเหล่าลูกค้าเต็มผนัง และมีแผ่นโปสเตอร์ของภาพยนตร์โบราณใส่กรอบอย่างดีแขวนประดับ เข้ากับชื่อร้านที่เป็นสุดยอดละครของศตวรรษที่ 20 อย่างยิ่ง
1 2 3 4 5
|