China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2009-07-24 17:03:17    
เหลียวหลัง-แลหน้า ความสัมพันธ์ ๓๔ ปีไทย-จีน (2)

cri

ผมเคยเยือนสถาบันสอนภาษาไทยแห่งหนึ่ง ในห้องเรียนนั้นมีนักเรียนซึ่งเรียนภาษาไทยเป็นคนจีนหมดเลย อยู่ประมาณ 40 คน เรียนมาแล้วสองปี ผมอยากจะทดสอบอะไรบางอย่างเป็นจริงหรือเปล่า คนไทยเรามักจะพูดว่า คนจีนกับคนไทยเป็นพี่น้องกัน และคนจีนคิดอย่างนั้นหรือเปล่าครับ ผมจึงขึ้นไปเขียนกระดานดำเป็นภาษาไทยว่า คนจีนกับคนไทยคือ…. และขอเชิญนักเรียนในห้องนั้นอายุประมาณ 17-18 ปีให้ขึ้นไปเขียนประโยคต่อของผมให้สมบูรณ์ สิ่งที่เว้นวรรคเอาไว้ควรจะเติมคำพูดอะไร ก็มีนักเรียนคนหนึ่งเป็นผู้ชาย อายุประมาณ 18 ปี นั่งอยู่ข้างหลังห้องเรียนนั้น ยกมือและขออาศาขึ้นมาเขียนต่อ เพราะสองปีนี้ เขาได้เขียนไทยและอ่านไทยได้แล้ว ประโยคที่ผมเขียนว่า คนจีนกับคนไทยคือ... เว้นวรรคเอาไว้ เขามาเขียนต่อ ด้วยลายมือของเขาและเขียนสวยด้วย โดยตอบว่า พี่น้องกัน อยากจะทดสอบว่า คนจีนคิดอย่างนั้นหรือ เด็กๆรุ่นใหม่ในสังคมจีนยังคิดว่า คนไทยยังเป็นพี่น้องกันกับเขาหรือไม่ ตอนนี้เป็นข้อหนึ่งที่ยืนยันตอนนั้น ส่วนต่อมาก็คือ ประเทศไทยของเราได้ตั้งมา 800 ปีแล้ว ประเทศจีนได้ตั้งมาหลายพันปี แต่วัฒนธรรมและสายเลือดที่อยู่ในตัวของเรา เชื้อชาติของเราใกล้ชิดกันมาก ผมอยากขอเรียนว่า เมื่อก่อตั้งประเทศไทยเมื่อ 800 กว่าปีมาแล้ว มีชนเผ่าไทยที่เดินทางตามแม่น้ำโขงจากสิบสองปันนา และมาตั้งรากที่ทางภาคเหนือของประเทศไทย เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ที่จังหวัดพะเยา จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดเชียงราย จังหวัดเชียงใหม่ก็มี ซึ่งเป็นผู้ที่พูดภาษาเดียวกันอยู่สิบสองปันนา และอยากจะเรียนให้ผู้มีเกี่ยรติทราบว่า คนไทยที่สิบสองปันนานั้นได้เดินทางมาประเทศไทยทางตะวันออก ของแม่น้ำโขง และได้เดินทางมาทางทิศตะวันตกอีกด้วย ผมได้ทราบมีชนเผ่าไทยตั้งอยู่ในแคว้นอัสัมของประเทศอินเดีย ซึ่งได้ดูข่าวเมื่อเร็วๆนี้ ทราบว่า สมเด็จพระเทพๆได้เสด็จุไปที่นั่น และทรงพบปะกับคนไทยที่นั่น เหมือนกันกับสิบสองปันนา เหมือนกันกับคนที่จังหวัดพะเยาของเรา ซึ่งในบ้านเราจะเรียกคนไทยเหล่านั้นว่า ไทยลื้อ สิ่งต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดทางด้านวัฒนธรรมทางเชื้อชาติมาโดยตลอดนั้น คลายกับความใกล้ชิดทางด้านธุรกิจ เศรษฐกิจอย่างที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อสักครู่นี้แล้ว

ต่อมาก็คือ ทางด้านรัฐบาลต่อรัฐบาล ผมอยากจะขอเรียนไว้ว่า ขณะนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งได้เริ่มต้นจากอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ประเทศทั่วโลกมีปัญหากันหมด เศรษฐกิจถดถอย รวมประเทศไทยด้วย คนว่างงาน สินค้าส่งออกลดลงเป็นอย่างมาก มีเหตุการณ์หนึ่ง ซึ่งผมขอฝากให้พวกเราคอยติดตามดูอย่างใกล้ชิด นั่นคือ มีการพบปะของผู้นำสี่ประเทศ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เรียกว่าสั้นๆก็คือ Bric ซึ่งย่อมาจากบราเซล รัสเซีย อินเดียและจีน ท่านผู้มีเกียรติครับ สี่ประเทศได้จัดการพูดคุยกันของผู้นำสูงสุด และกลุ่มนี้อยากจะขอเรียนให้ทราบว่า ท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเริ่มขึ้นจากสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วนั้น มาจนถึงวันนี้ สิบเดือนผ่านพ้นไปแล้ว ประเทศจีนกับอินเดียเป็นสองประเทศที่มเศรษฐกิจยังขยายตัวไปในทางบวก ไม่ใช่ในทางลบ เมื่อสักครุ่นี้ ท่านอุปทูตวัฒนธรรมเฉินจิงก็ได้ขึ้นมาพูดแล้วว่า 31 ปีที่จีนพัฒนาเศรษฐกิจวันนั้นจนถึงทุกวันนี้ ยังก้าวหน้าต่อไปยังไม่หยุดยั้ง ทั้งทั้งที่ประเทศอื่นๆในสังคมโลกกำลังพบปะกับวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยกันอยู่ จีนกับอินเดียยังเดินหน้าและขยายตัวอยู่ สิ่งนี้ได้ส่งสัญญาณต่อประเทศไทยอย่างไรครับ ในขณะที่จีนและอินเดียมีการขยายตัวด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องก็ดี และจีนกับอินเดียเป็นสองประเทศ ซึ่งมีสัญญาการค้าเสรีกับประเทศไทยแล้วก็ดี พี่น้องประชาชนคนไทยภาครัฐบาลและภาคเอกชนก็ดีอยากจะขอฝากเป็นข้อสังเกตุว่า น่าที่จะติดตามวิวัฒนการของกลุ่ม Bric อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนกับอินเดีย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการค้าเสรีกับทั้งจีนและอินเดีย และการค้าเสรีกับทั้งสองประเทศนี้ด้วยความสำเร็จตั้งแต่เมื่อ 6 ปีมาแล้วปี 2546 ซึ่งผมมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่กับประเทศอินเดียในตอนนั้น และท่านรองนายกฯสมคิดฯดูแลทางด้านประเทศจีน ซึ่งเราสามารถจะลงนามการค้าเสรีกับสองประเทศได้ ในปี 2546 จะมีการประชุมเอเปคซัมมิต ที่พวกเราคงจำได้ในเดือนตุลาคม 6 ปีนั้น เราเฝ้าติดตามตลอด 34 ปี อยากเรียนได้เลยว่า มีสามข้อที่ผมอยากหยิบยกให้พวกเราฟังในตอนนี้ ก่อนที่จะไปข้างหน้า จีนใช้วิธีการบริหารตัวเองได้อย่างไร จีนมีประชากร 1300 ล้านคน 32 มณฑล สามข้อที่ออกมาชัดแจนในสายตาของผมเองที่ติดต่อ ไปมาอยู่ตลอดเวลามีอยู่สามข้อ


1 2