บรรยากาศคล้ายถนนข้าวสาร ซัมเมอร์ เซลล์ ลดกระหน่ำ
ส่วนผู้ที่ต้องการราคาที่ยุติธรรมลงมาหน่อยก็สามารถเดินเลาะไปตามซอกซอยแถวนั้นได้ เพราะยังมีร้านอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งอยู่ติดๆ กันและอยู่ติดถนนใหญ่ โดยตั้งอยู่ที่ด้านหลังของศูนย์การค้าที่มีลานน้ำพุที่ผมได้กล่าวไปแล้ว ที่นี่จะมีกลิ่นอายแบบถนนข้าวสารที่กรุงเทพฯ เพราะจะมีร้านขายเบียร์เล็กๆ ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติ และบางแห่งเจ้าของก็เป็นชาวต่างชาติด้วย เดินอยู่ที่ถนนสายนี้ จึงไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารนัก ถ้าเราสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกขายบ้างประปราย มีร้านขาย "หม่าล่าทั่ง" หรือจิ่มจุ่มแบบเสียบไม้ที่มีรสชาติเผ็ดซ่าแบบเสฉวนขายอยู่ข้างทาง ซึ่งท่านที่มาก็ไม่ควรพลาดชิม เพราะอร่อยและราคาถูกมาก ตรงซอยนี้จะมีร้านให้เลือกนั่งหลายร้าน และราคาส่วนใหญ่ก็ประมาณ 10 15 หยวน ต่อเบียร์ 1 ขวดเท่านั้น
โดยเฉพาะร้านในสุดที่ชื่อ "ชูตเตอร์" ทั้งค็อกเทลและเบียร์ราคาเพียง 10 หยวนเท่านั้น ร้านนี้จึงแน่นขนัดไปด้วยวัยรุ่นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาทั้งชาวต่างชาติและชาวจีนมาดื่มกินและเต้นกันอย่างสนุกสนาน เพลงที่เปิดส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงสากลในสไตล์แดนซ์ บางช่วงมีดีเจมาเปิดแผ่น บางทีก็เอาเพลงเก่ามามิกซ์ใหม่ในจังหวะดนตรีที่เร้าใจขึ้น ทำให้เรียกเสียงจากเหล่าขาเต้นได้ลั่นร้านเลยทีเดียว
ผมเคยถามว่าร้านที่เมืองจีนปิดกี่โมง ส่วนใหญ่มักจะอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะพวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าปิดกี่โมงกันแน่ เพราะที่แน่ๆ ตี 2 ไปแล้วยังมีบางร้านเปิดอยู่เลย ถ้ายังมีลูกค้า ผมเองไม่เคยอยู่ถึงเวลาปิดเลย เพราะว่าบ้านอยู่ไกลมาก เต็มที่ก็ไม่เกิน 5 ทุ่ม เพราะสามารถจับรถไฟเที่ยวสุดท้ายกลับบ้านได้แบบประหยัด เพราะถ้านั่งแท็กซี่กลับมายังปาเป่าชานนั้น ก็คงหมดหลายเงินเลยทีเดียว
ในซอยเดียวกันนี้ยังมีร้านอยู่อีกพอสมควร มีร้านที่ซ่อนอยู่บนชั้นสองของตึกด้วย และที่กำลังก่อสร้างก็มีมากเช่นกัน ยิ่งประเทศจีนเปิดมากยิ่งขึ้น ประเทศร่ำรวยมากยิ่งขึ้น ชาวจีนเองก็เลยนิยมออกมาดื่มกินและเที่ยวกลางคืนกันมากขึ้น
เพื่อนชาวจีนหลายคนที่ชอบไปเที่ยวหาความสุขและเปิดสมองกับเพื่อนในย่านแล้วหลายคนเล่าว่า หลังจากดื่มกินกันอย่างสนุกสนานแล้ว พวกเขาก็นิยมยกโขยงกันไปยัง "กุ่ยเจีย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ซึ่งผมได้เคยเสนอท่านผู้ฟังไปแล้วเช่นกัน เพื่อหาอะไรรองท้อง และแก้อาการกรึ่มๆ จะได้ขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย จึงไม่แปลกที่หลังเที่ยงคืนไปแล้วถนนอาหารโต้รุ่งกุ่ยเจียจึงจะเพิ่งเริ่มคึกคัก
ถนนราตรีซานหลี่ถุน ไม่เคยเงียบเหงา แม้ในวันที่อากาศหนาวติดลบ ก็ยังมีผู้คนผู้ชอบแสงสีและความสนุกของค่ำคืนแวะเวียนเข้ามาหาเสมอ ที่นี่พร้อมต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก โดยไม่มีวันลา วันป่วย และวันหยุด พอสิ้นแสงดวงอาทิตย์ นกกาบินกลับรวงรัง ผีเสื้อราตรีก็พร้อมจะออกโบยบิน และซานหลี่ถุนก็ยังเป็นดงดอกไม้อันฉ่ำหวานให้เหล่าผีเสื้อโฉบเข้ามาทำความรู้จักและชิมชมความสวยงามและความเพลิดเพลินเสมอ
พบกับผม พัลลภ สามสี และรายการสถานีต่อไปได้สัปดาห์หน้า
สวัสดีครับ
1 2 3 4
|