เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนติดปีกบิน ปัจจุบัน พูขามมาอยู่ที่กรุงปักกิ่งเป็นเวลา 10 ปีแล้ว เธอรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของกรุงปักกิ่ง และการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวตนเอง
"มาอยู่กรุงปักกิ่งได้ 10 ปีแล้ว ที่นี่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เศรษฐกิจเจริญก้าวหน้า ชีวิตความเป็นอยู่ก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะปีที่แล้ว กรุงปักกิ่งจัดงานกีฬาโอลิมปิกได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าผังเมืองหรือเส้นทางคมนาคมล้วนพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีความสะดวกสบายขึ้นและทันสมัยขึ้น เช่น แต่ก่อนรถประจำทางต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง แต่ขณะนี้เปลี่ยนเป็นรถพลังไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมจึงดีขึ้นเรื่อยๆ และบ้านเราก็มีรถส่วนตัวด้วย"
(การแนะนำตัวของเด็กหญิงสองคน)
10 ปีผ่านไปแล้ว ขณะนี้พูขามกับเฉิน เสี่ยว หยางมีลูกสาวสองคน คนโตชื่อจิงจิงที่ร้องเพลงไปเมื่อเริ่มต้นรายการ ตอนนี้อายุ 8 ขวบ กำลังเรียนหนังสือในโรงเรียนประถมศึกษากรุงปักกิ่ง ส่วนลูกสาวคนที่ 2 ชื่อเจียเจีย อายุ 5 ขวบ เข้าโรงเรียนอนุบาลแล้ว เด็กหญิงสองคนน่ารักมาก นิสัยเบิกบานร่าเริง นอกจากเรียนหนังสือแล้ว ยังหัดเล่นเปียโน ร้องเพลงและวาดรูปเป็นต้น และเข้าร่วมกิจกรรมการแสดงทางโทรทัศน์บ่อยครั้ง
แม้ว่าพูขามอยู่กรุงปักกิ่งหลายปี แต่ในช่วงปิดเทอมเธอกับสามีจะพาลูกสาว 2 คนกลับไปเยี่ยมตายายที่ลาวทุกปี เด็กหญิงทั้งสองรู้สึกประทับใจบ้านเกิดของคุณแม่ และมีความปลื้มปิติยินดี
เด็กหญิงจิงจิงเล่าว่า
"เคยไปประเทศลาวมาหลายครั้งแล้ว ชอบมาก ที่นั่นมีวัดวาอารามและมีพระจำนวนมาก บ้านของทุกครอบครัวเหมือนรีสอร์ต ไม่มีเขตชุมชนอย่างกรุงปักกิ่ง"
น้องเจียเจียบอกว่า
"ชอบช้างของลาว ตัวใหญ่มาก และเก่งมาก สามารถขนส่งไม้ได้"
เฉิน เสี่ยว หยางกล่าวว่า อยากให้ลูกสาวกลับลาวเป็นประจำ เพื่อจะได้มีความเข้าใจวัฒนธรรมลาวมากขึ้นและในอนาคตจะสามารถมีบทบาทในการส่งเสริมมิตรภาพจีนลาวให้มากยิ่งขึ้น
"มองสังคมจีน"ในครั้งนี้ ขอจบลงเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ 1 2
|