โครงการสานสัมพันธ์จีน-ลาวริเริ่มขึ้นโดยคณะกรรมการกลางของสันนิบาตเยาวชนลัทธิคอมมิวนิสต์แห่งชาติและกระทรวงพาณีชย์จีน ตั้งแต่ปี 2003-2008 เฉพาะนครเซี่ยงไฮ้ได้ส่งเยาวชนอาสาสมัครไปยังประเทศลาว 7 ครั้ง ทั้งหมด 81 คน เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรม การศึกษา การรักษาพยาบาล การบริหารธุรกิจและเทคโนโลยีด้านการเกษตรระหว่างสองประเทศ ตลอดจนช่วยอบรมบุคลากรเยาวชนของลาวด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอเดินทางไปถึงนครเซี่ยงไฮ้ และสัมภาษณ์เยาวชนอาสาสมัครที่มีประสบการณ์เคยเดินทางไปประเทศลาวหลายคน
นายอยู๋ เหลยปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ของฝ่ายเยาวชนคณะกรรมการกลางสันนิบาตเยาวชนลัทธิคอมมิวนิสต์นครเซี่ยง ในช่วงเดือนมกราคมถึงกรกฎาคมปี 2008 เขาเคยเป็นหัวหน้าคณะเยาวชนอาสาสมัครไปเยือนลาว และทำหน้าที่เป็นครูสอนภาษาจีนในศูนย์อบรมเยาวชนที่กรุงเวียงจันทน์ เขารู้สึกประทับใจชีวิตในประเทศลาวมาก
"ความทรงจำในลาวยังไม่ลืมเลือน ชีวิต 6 เดือนนั้น เต็มไปด้วยความสุข ประเทศลาวเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม ประชาชนลาวจะมีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ เราจะเห็นชาวลาวทักทายกันว่า "สบายดี"ด้วยไมตรีจิตพร้อมยกมือขึ้นประนม ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก ผมกับเพื่อนคนจีนยังทำเลียนแบบชาวลาวด้วย จนถึงขณะนี้ เวลาเราพบกันมักจะยกมือขึ้นประนม"
หลังจากสำเร็จหน้าที่กลับมายังเซี่ยงไฮ้แล้ว อยู๋ เหลยยังคิดถึงเพื่อนคนลาวเสมอ และมีการติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ
"สมัยนี้ การติดต่อทางอินเตอร์เน็ตสะดวกรวดเร็ว ผมมีลูกศิกย์และเพื่อนชาวลาวหลายคน มักจะแลกเปลี่ยนและคุยกันทาง MSN หรืออีเมลเป็นประจำ พวกเขามักจะถามผมว่า งานยุ่งไหม มีลูกหรือยัง ชีวิตในเซี่ยงไฮ้เป็นอย่างไร และผมมักจะถามพวกเขากลับไปว่า ยังเรียนภาษาจีนอยู่หรือไม่"
อยู๋ เหลยบอกว่า เขาเคยเรียนภาษาลาวและพูดได้ประมาณ 100 คำ จนกระทั่งกลับเซี่ยงไฮ้ บางทีอดไม่ได้ที่จะพูดภาษาลาวออกมาแม้ว่าพูดไม่ค่อยชัด เขาชอบพูด 2 ประโยคที่ว่า
"ผมรักประชาชนลาว รักประเทศลาว"
นายกู้ จูน ชิงเป็นนายแพทย์แผนโบราณจากโรงพยาบาลกระดูกกวางหวาเซี่ยงไฮ้ เขาเป็นอาสาสมัครไปลาวเมื่อปี 2007
"ผมไปทำงานในโรงพยาบาล 109 ของลาวเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผมจบแพทยศาสตร์แผนโบราณ ช่วงเวลาที่อยู่ในลาว ความรู้และประสบการณ์ในการรักษาโรคด้วยวิธีการฝังเข็มและนวดจุดเลือดได้ประสิทธิผลดีมาก แม้เป็นเวลาเพียงครึ่งปีเท่านั้น แต่เป็นความทรงจำอันดีงามและยากที่จะลืมเลือนได้"
1 2
|