กู้ จูน ชิงกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า เขาพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการรักษา
"ปกติ มีเพื่อนคนลาวทำงานด้วยกันอีก 2 คน คนหนึ่งพูดภาษาจีนได้ อีกคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ บางที ทั้ง 2 คนไม่อยู่ ผมอยู่คนเวรคนเดียว ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคปวดเอว ปวดหลัง หรือปวดต้นคอ พวกเขาก็ใช้มือชี้ตรงที่กำลังเจ็บปวด ผมก็จะเข้าใจได้ทันที ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้ช่วยรักษาให้หลายคนหายป่วยได้ "
(เสียงเพลงลาว)
นี่เป็นเสียงเพลงจากมือถือของกู้ จูน ชิง เพลงอย่างนี้ มักจะหายากในนครเซี่ยงไฮ้ กู้ จูน ชิงบอกว่า หลังกลับจากลาว บางทีรู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่นั่น ก็มักจะเปิดเพลงลาวฟังคนเดียว ในมือถือของเขาบันทึกเพลงลาวไว้หลายเพลง แม้ว่า ร้องไม่ค่อยเป็น แต่เขาชอบฟัง และรู้สึกคิดถึงประเทศลาวทุกครั้ง
"ผมได้ทำภาพสไลด์เกี่ยวกับชีวิตในลาวไว้ในเว็บไซต์ รู้สึกว่า คุ้มค่าจริงๆ เพราะว่าทำครั้งเดียว แต่ดูได้ตลอด และมีผู้สนใจจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว"
นางสวูจิงเลขาธิการสันนิบาตเยาวชนลัทธิคอมมิวนิสต์ของมหาวิทยาลัยตงหวา นครเซี่ยงไฮ้และผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาศิลปะของมหาวิทยาลัย เธอเคยเป็นอาสาสมัครไปลาวเมื่อปี 2006 และเป็นครูสอนวิชาการใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อพูดถึงชีวิตในลาว เธอยังจดจำได้แม่นยำ
"ตอนเช้าตื่น 6 โมงครึ่ง แล้วปั่นจักยานครึ่งชั่วโมงไปถึงโรงเรียน ช่วงเช้าสอนการใช้คอมพิวเตอร์ ช่วงบ่ายสอนภาษาจีน"
สวู จิงเล่าให้ฟังถึงบรรยากาศในห้องเรียนของลาวว่าสนุกมาก นักเรียนมาจากวงการต่างๆ มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักศึกษาและพระ เวลาสอน มักจะใช้ 3 ภาษาผสมกัน ทั้งภาษาจีน ภาษาอังกฤษและภาษาลาวด้วย
"มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตอนสอนพิมพ์ดีดภาษาจีน มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งมาถามดิฉันว่า ภาษาจีนประโยคว่า ฉันรักเธอจะพิมพ์อย่างไร แต่คอมพิวเตอร์ของเธอพิมพ์ภาษาจีนไม่ได้ ดิฉันจึงได้แต่สอนเธอพูด ก่อนเลิกเรียน เธอเรียกดิฉันไปดูเครื่องคอมพิวเตอร์ของเธอซึ่งได้พิมพ์ภาษาอังกฤษว่า I LOVE YOU พร้อมกับภาษาลาวที่มีความหมายเดียวกันไว้ด้วย เขาชี้ให้ดิฉันดู พร้อมพูดภาษาจีนว่า ฉันรักเธอ ทำให้ดิฉันรู้สึกตื้นตันใจมาก ผลงานของเยาวชนอาสาสมัครมักวัดเป็นตัวเลขทั้งนั้น แต่ไมตรีจิตมิตรภาพระหว่างประชาชนสองประเทศไม่สามารถแสดงแทนค่าด้วยตัวเลขเหล่านี้ได้ " 1 2
|