นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพิ่งสิ้นสุดการเยือนเอเชียแอซิฟิก และจะออกเดินทางในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เพื่อเยือนสเปน อาเจนตินา ปานามา และโปรตุเกส และจะเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มจี 20 ที่กรุงบัวโนสไอเรสของอาเจนตินา
ปี 2018 เป็นการครบรอบ 100 ปีการสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 ครบรอบ 10 ปีวิกฤตการเงินโลกปี 2008 และเป็นปีที่การทวนกระแสโลกาภิวัตน์ ลัทธิลำพังฝ่ายเดียว และลัทธิกีดกันการค้ากระทบระเบียบสากลอย่างรุนแรง ในยุคที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยมีมาก่อนในช่วง 100 ปี ประเทศต่าง ๆ จะต้องสงบลง ทบทวนประวัติศาสตร์ สรุปประสบการณ์ จัดการแลกเปลี่ยนในทางที่ดี เพิ่มความแน่นอน มั่นคง และพลังเชิงบวกต่อการสร้างอนาคตดียิ่งขึ้น การเยือนต่างประเทศติดต่อกันของผู้นำสูงสุดจีนแสดงให้เห็นว่า จีนในฐานะประเทศกำลังพัฒนาใหญ่ที่สุด และประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ภายนอกที่สลับซับซ้อน จีนมีความมั่นใจอย่างเด็ดเดี่ยว และมีความพยายามที่จะเสนอแผนการที่มุ่งเน้น “ความร่วมมือด้วยการเปิดสู่ภายนอกและพัฒนาร่วมกัน” ในการปฏิรูปของทั่วโลก
สถิติแสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่เส้นทางรถไฟขนส่งจากเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงของจีนไปยังกรุงมาดริดของสเปน ซึ่งเป็นเส้นทางรถไฟขนส่งยาวที่สุดในโลกเปิดใช้งานในเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 มูลค่าการส่งออกจากสเปนถึงเมืองอี้อูเพียงแห่งเดียว จากไม่ถึง 1.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2014 เพิ่งขึ้นเป็นกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีที่แล้ว ทำให้ตลาดค้าปลีกอี้อูของจีน “ซื้อจากทั่วโลก ขายไปยังทั่วโลก” และมีสินค้าหลากหลายมากยิ่งขึ้น
ปานามาที่เพิ่งสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนไปเมื่อปีที่แล้ว เป็นประเทศลาตินอเมริกาประเทศแรกที่ลงนามบันทึกช่วยจำด้านการสร้างสรรค์ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” กับจีน นายลุอิส ฮินคาพาย รัฐมนตรีช่วยว่าการการทรวงการต่างประเทศของปานามาหวังว่า ปานามาจะแสดงบทบาทเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและการค้าในภูมิภาค กลายเป็นประตูและสะพานเชื่อมจีนเข้าสู่ตลาดลาตินอเมริกา
ด้านโปรตุเกสหวังว่า โปรตุเกสจะเป็นประตูและสะพานเชื่อมจีนกับยุโรป แอฟริกา และอเมริกาใต้ สถิติแสดงให้เห็นว่า จนถึงปัจจุบัน ธุรกิจจีนและพลเมืองจีนได้มีการลงทุนในโปรตุเกสรวมกว่า 9,000 ล้านยูโร ทำให้โปรตุเกสกลายเป็นเป้าหมายการลงทุนใหญ่อันดับ 5 ของจีนในยุโรป
ในระหว่างการเยือนอาเจนตินา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจจะจัดการเจรจาครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ จีนและอเมริกาเป็นองค์ประกอบเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ดังนั้น ผู้นำทั้งสองประเทศจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์แบบทวิภาคี โดยคำกล่าวและพฤติกรรมของผู้นำทั้งสองจะเป็นที่จับตามองของทั่วโลก
Tim/LR/Zhou