“ปัญหาชวนปวดหัวช่วงหน้าหนาว” ของครู-ผู้ปกครองชาวจีน (2)

2019-02-25 14:23:39 | CRI
Share with:

图片默认标题_fororder_20190225(2)

อันที่จริง การตื่นเช้าไม่ไหวในฤดูหนาวของคนจีน ไม่ใช่ปัญหาทางจิตใจหรือร่างกายอ่อนแอไม่แข็งแรงทั้งสิ้น ต้นเหตุที่ไม่อยากจะตื่นแต่เช้าในฤดูหนาวก็คือ เพราะฟ้าสว่างช้า บวกกับความเคยชินของร่ายกาย คือ “ขี้เกียจ” ทำให้ไม่มีใครอยากลุกจากผ้าห่มที่อุ่นสบาย ซึ่งปัญหาไม่อยากตื่นไปโรงเรียนอนุบาลของลูกหลาน ไม่ใช่จบแค่การไม่อยากจะตื่นแต่เช้าและขอลาหยุดได้ง่ายๆแค่นี้เท่านั้น เพราะเรื่องนี้จะส่งผลลบต่อการสร้างความเคยชินที่ดีให้กับเด็ก มีผลต่อการสร้างนิสัยและความเคยชินของเด็กไปจนโตด้วย

เมื่อลูกชอบนอนดึกและตื่นสายตอนเช้า ผู้ปกครองทุกคนคงรู้สึกร้อนอกร้อนใจทุกครั้งว่า ต้องปลุกให้ตื่นไม่อย่างนั้นจะไปโรงเรียนสาย แต่แล้วก็เปลี่ยนความคิดนี้ว่า เพราะเมื่อคืนเขานอนดึก การนอนของเด็กเป็นความต้องการของร่างกายในการเจริญเติบโต ดังนั้น ให้เขานอนต่ออีกหน่อยดีกว่า แต่บางครั้งก็นอนนานไปจนเวลา 8 – 9 โมง จึงเป็นสาเหตุที่ทำไมดิฉันตื่นแต่ 6 โมงเช้า แต่หมี่ตัว-ลูกชายของดิฉันก็ยังไปเข้าโรงเรียนอนุบาลสาย และเพราะดิฉันก็ต้องไปทำงาน บางครั้งสายมากแล้ว จึงต้องให้คุณย่าของหมี่ตัวส่งเขาไปโรงเรียนอนุบาลแทน

图片默认标题_fororder_20190225(1)

ปัญหาเด็กไปโรงเรียนอนุบาลสายไม่ได้มีหมี่ตัว-ลูกชายของดิฉัน เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะในฤดูหนาว จะมีเด็กๆจำนวนไม่น้อยไปโรงเรียนอนุบาลสาย ยังมีบางคนไปเข้าเรียนในเวลาทานข้าวเที่ยงแล้วด้วย ครูของโรงเรียนอนุบาลย่อมไม่ยินดีด้วย แต่ผู้ปกครองบางคนก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ลูกยังเล็กมาสายหน่อยได้ไม่เป็นไร เพราะว่าเด็กๆต่างก็ต้องการนอนนานๆ และการตื่นแต่เช้าในฤดูหนาวเป็นเรื่องยากจริงๆ นี่แค่โรงเรียนอนุบาลยังไม่ใช่โรงเรียนประถมศึกษา

ในสายตาของผู้ปกครองบางคนจะรู้สึกว่า โรงเรียนอนุบาลมีความต่างกันกับโรงเรียนประถม คือยังไม่มีกฎระเบียบอะไรมาก ถ้าสะดวกส่งลูกไปเรียนก็ส่ง และจะไปเข้าเรียนเวลาไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแจ้งครูล่วงหน้า ความจริง ถ้าทำแบบนี้จะเป็นผลเสียต่อการเติบโตของลูก ดังนั้น มาดูผลกระทบจากการไปโรงเรียนอนุบาลสายว่าเป็นอย่างไรบ้าง

  1. ไม่เป็นผลดีต่อการปลูกฝังนิสัยที่ตรงต่อเวลา

เพราะเด็กๆยังไม่เข้าใจเรื่องความสำคัญของเวลา ดังนั้น ความเคยชินในการเข้านอนและตื่นนอนต้องอาศัยผู้ใหญ่เป็นผู้ชี้นำ หากผู้ปกครองชอบตื่นสาย และคิดจะส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลเมื่อไหร่ก็ส่ง ย่อมส่งผลกระทบต่อความคิดของลูก และหากเป็นแบบนี้เป็นเวลานาน ลูกก็จะกลายเป็นมีนิสัยที่ชอบผัดวันประกันพรุ่ง ขี้เกียจ และขาดระเบียบวินัยในเรื่องการรักษาเวลา พอถึงชั้นประถมก็ยากที่จะทำตัวให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นได้

  1. ไม่เป็นผลดีต่อกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียน

ถ้าผู้ปกครองส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาล เมื่อไปถึงครูกำลังพูดสอนเด็กนักเรียนคนอื่นอยู่ เสียงทักทายสวัสดีคุณครู ก็ย่อมทำให้ความสนใจของเด็กนักเรียนในห้อง ถูกดึงดูดไปยังเด็กที่มาสาย และหากผู้ปกครองบางคนยากที่บอกลากับลูกได้ เวลาในการเรียนการสอนก็จะถูกรบกวนให้เหลือน้อยลงไปอีก

3.ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพการเติบโตของลูก

หากคุณพ่อคุณแม่ส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลสาย ลูกไม่เพียงแต่ไม่ได้ออกกำลังกายก่อนเข้าเรียน อาหารเช้าก็จะไม่ได้ทานตามเวลาที่ควรด้วย มีผู้ปกครองบางคนซื้อขนมปังหรืออาหารอื่นๆให้ลูกกินระหว่างทาง หลังจากลูกกินแล้ว เนื่องจากใกล้เวลาอาหารเที่ยงในโรงเรียนอนุบาล ย่อมส่งผลกระทบต่อการกินอาหารกลางวันของลูก ถ้าเป็นเวลานาน ระบบย่อยอาหารของลูกก็ต้องได้รับผลกระทบด้วย เป็นต้น

นอกจากนี้ สำหรับเด็กๆ การออกกำลังกายตอนเช้าในโรงเรียนอนุบาลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และเป็นผลดีต่อกิจกรรมทั้งวันในโรงเรียนอนุบาล หากพลาดเวลานี้ร่างกายก็ไม่ค่อยได้รับการฝึกฝน จะไม่ดีต่อการเติบโตของเด็กด้วย  คราวหน้ามาดูกันต่อว่า พอจะมีคำแนะนำอะไรดีๆ ช่วยแก้ปัญหาการตื่นไปโรงเรียนอนุบาลสายของลูกหลานได้บ้าง

Yim/Kt

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

韩希