ค่ำวันที่  12  มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น มูลนิธิ จอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช มอบรางวัลแก่รัฐบุรุษที่สนับสนุนการพัฒนาความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีน เป็นครั้งแรกแก่ นายจิมมี คาร์เตอร์ เพื่อยกย่องการที่เขาสร้างคุณูปการอันโดดเด่นแก่การพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน  

นายจิมมี คาร์เตอร์ อายุ 94 ปี ประธานาธิบดีคนที่ 39 ของสหรัฐฯ เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี  จีน-สหรัฐฯ ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ

นายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช สมาชิกพรรคริพับลิกัน เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานติดต่อประสานของสหรัฐฯ ประจำประเทศจีน ระหว่างปี ค.ศ. 1974 - 1975 เขาถึงแก่กรรมในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว สิริอายุ 94 ปี

การที่นายจิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้รับรางวัลที่มีชื่อของอดีตประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกันนั้นมีความหมายลึกซึ้งมาก ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ในเรื่องการรักษามิตรภาพระหว่างสหรัฐฯ-จีน ผู้นำในวงการการเมืองของสหรัฐฯ สามารถก้าวข้ามผลประโยชน์ของพรรคการเมืองได้ การที่นายจิมมี คาร์เตอร์ ได้รับรางวัล ครั้งนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นอีกว่า รัฐบุรุษของสหรัฐฯ ปฏิเสธแนวคิดแยกสหรัฐฯ-จีนออกจากกัน   

เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่นายริชาร์ด นิกสัน ซึ่งเคยกล่าวระหว่างเยือนจีนเป็นเวลา 7 วัน ในปี ค.ศ. 1972 ว่า  หากทั้งสองประเทศตัดสินใจร่วมมือกัน  เราทั้งสองจะเป็นประเทศที่เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้  จนมาถึงสมัยนายจิมมี คาร์เตอร์ ผู้เปิดหน้าใหม่ของการพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน   รวมถึงนายจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้เดินทางเยือนจีนเร็วที่สุดหลังเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี รัฐบุรุษสหรัฐฯ เหล่านี้ล้วนเลือกพัฒนาความสัมพันธ์กับจีน โดยพวกเขาตระหนักดีว่า มีแต่พัฒนาความร่วมมือกับจีนเท่านั้น จึงจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และส่งเสริมการพัฒนาเสถียรภาพของโลกได้อย่างแท้จริง  

ปัจจุบัน วิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์ของรัฐบุรุษสหรัฐฯ เหล่านี้ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในปี ค.ศ. 1979  ซึ่งเป็นปีที่จีน-สหรัฐฯ เริ่มสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างสองประเทศมีเพียง 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อมาในปี ค.ศ. 2018 มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 630,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 252 เท่าตัว นอกจากนี้ ยอดจำหน่ายของวิสาหกิจทุนสหรัฐฯ ในจีน ยังมีมากกว่า 700,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี สร้างรายได้มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี 

     เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายจิมมี คาร์เตอร์ กล่าวขณะหวนกลับไปพิจารณาผลสำเร็จในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีว่า การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนนั้น อาจเป็นการติดสินใจที่เป็นประโยชน์มากที่สุดต่อสันติภาพและความเข้าใจระหว่างกันของโลก  

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเสียใจที่แรงกดดันจากนักการเมืองสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งที่มีแนวคิดสุดโต่งทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ หันเหออกจากเส้นทางที่รัฐบุรุษสหรัฐฯ ได้กำหนดไว้ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา จนกระทั่งนำความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไปสู่ภาวะอันตราย นอกจากนี้ นักการเมืองที่มีแนวคิดสุดโต่งเหล่านี้ยังสร้างอุปสรรคต่าง ๆ ทางการค้า การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน  อีกทั้งยังเรียกร้องให้สหรัฐฯ และจีนต้องแยกออกจากกัน และเริ่มทำสงครามเย็นครั้งใหม่

เสียงของนักการเมืองเหล่านี้มองข้ามข้อเท็จจริงที่จีนและสหรัฐฯ มีส่วนเกื้อกูลกันอย่างมาก  มีประโยชน์ร่วมกันอย่างลึกซึ้ง รวมถึงเอื้อประโยชน์ต่อกัน การกระทำของพวกเขาเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของทั้งจีนและสหรัฐฯ เท่านั้น หากยังจะส่งผลกระทบต่อความเจริญรุ่งเรือง และเสถียรภาพของโลกด้วย ประชาชนชาวอเมริกันส่วนใหญ่ รวมทั้ง นายจิมมี คาร์เตอร์ จึงไม่อาจเห็นด้วยและไม่อยากเห็นสิ่งเลวร้ายเหล่านี้เกิดขึ้น            

นายจิมมี คาร์เตอร์ เคยกล่าวไว้ว่า  วัฒนธรรม  ประวัติศาสตร์ รูปแบบรัฐบาล  ผลประโยชน์ และระดับการพัฒนาของสหรัฐฯ และจีน มีความแตกต่างกันอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่า เป้าหมายที่ทำให้สหรัฐฯ และจีนต้องผูกพันกัน คือ การเคารพซึ่งกันและกัน แสวงหาสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้า จะมีความสำคัญมากกว่าความแตกต่างที่ทำให้เราแยกออกจากกันอย่างมาก

เสียงจากสติปัญญาของรัฐบุรุษสหรัฐฯ เหล่านี้ ต้องถือเป็นกระแสหลักของสหรัฐฯ ในการพิจารณาและจัดการความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งชี้ให้สังคมสหรัฐฯ เข้าใจว่า ความร่วมมือกับจีนเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ อย่างแท้จริง

(tim/cai)