สำนักข่าวซินหวารายงานว่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมาโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดในหลายพื้นที่ของจีน เช่น เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย จนถึงวันที่ 20 มกราคม เวลา 18.00น. มีจำนวนผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 224 ราย ในจำนวนนี้ มี 217 รายได้รับการตรวจวินิจฉัยแล้ว โดยที่มี 198 รายอยู่ที่เมืองอูฮั่น 5 รายที่กรุงปักกิ่ง และ 14 รายที่มณฑลกว่างตง ส่วนที่เหลืออีก 7 รายยังอยู่ระหว่างรอการตรวจวินิจฉัย ส่วนทางด้านต่างประเทศ พบ 1 รายที่ญี่ปุ่น 2 รายที่ประเทศไทย และ 1 รายที่เกาหลีใต้
ภายหลังการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ดังกล่าว คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ และคณะรัฐมนตรีจีนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในระดับสูง โดยนายสี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดี และประธานคณะกรรมการการทหารกลางของจีนสั่งการให้เร่งควบคุมโรคติดต่อดังกล่าว โดยกล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจากเกิดการระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในหลายพื้นที่ของจีน เช่น เมืองอู่ฮั่น ทุกฝ่ายจึงต้องให้ความสำคัญในระดับสูงกับเรื่องนี้ โดยทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคดังกล่าว
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ใกล้เทศกาลตรุษจีน มีประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคนี้จึงมีความจำเป็นที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน หน่วยงานพรรค และรัฐบาลทุกระดับต้องถือความปลอดภัยด้านชีวิต และสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก กำหนดแผนการแก้ไขปัญหาอย่างสุขุมรอบคอบ ระดมกำลังจากทุกฝ่ายและใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค นอกจากนี้ยังต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาผู้ป่วย เร่งค้นหาแหล่งที่มาของไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ และสาเหตุของการระบาด เฝ้าระวังผู้ติดเชื้ออย่างใกล้ชิด ต้องดำเนินการทุกอย่างตามระเบียบแบบแผน นำเสนอข้อมูลสำคัญสู่ภายนอกให้รับทราบอย่างทันท่วงที และกระชับความร่วมมือกับต่างประเทศ
ในวันเดียวกัน นายหลี่ เค่อเฉียง กรรมการประจำกรมการเมืองคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลท้องถิ่นทุกพื้นที่ ต้องมีความรับผิดชอบอย่างสูงต่อประชาชน ปรับปรุงแผนแก้ไขปัญหาให้มีความสมบูรณ์ ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการป้องกันและควบคุมโรค ขณะเดียวกัน ต้องแลกเปลี่ยนและประสานกับองค์การอนามัยโลก ประเทศที่เกี่ยวข้อง และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และไต้หวันของจีน เพื่อสร้างความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในวงกว้าง
(bo/cai)