วันที่ 1 มีนาคม ออสเตรเลียมีผู้ป่วยโควิด-19 เพียง 20 กว่าราย และมีการเพิ่มขึ้นจำนวนไม่มากในแต่ละวัน แต่เนื่องจากมีผู้ป่วยเข้ามาจากต่างประเทศและมีการแพร่เชื้อในเขตชุมชนอย่างรวดเร็ว จากวันที่ 18 มีนาคมเป็นต้นมา มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นวันละหนึ่งร้อย จนกระทั่งหลายร้อยราย และมียอดจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 1,073 รายเมื่อเวลา 14.00น. ของวันที่ 21 มีนาคม
เมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา นายScott Morrison นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลียกล่าวขณะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุ 2GB ว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ในออสเตรเลีย มีประมาณ 80% เป็นคนที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ หรือเป็นคนที่ติดต่อใกล้ชิดกับผู้ป่วยในต่างประเทศ ผู้ป่วยเหล่านี้ ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐ ซึ่งคำพูดดังกล่าว สื่อมวลชนวิเคราะห์ว่า เขามีความไม่พอใจกับการควบคุมโรคโควิด-19 ของรัฐบาลสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ นาย Daniel Andrews ผู้ว่าการรัฐวิคทอเรียเคยเสนอให้รัฐบาลออสเตรเลียห้ามนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ เข้าประเทศ และยังมีรายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของออสเตรเลียตรวจพบ ว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังเยือนสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
เมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลมอร์ริซันประกาศให้ออสเตรเลียเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยของมนุษย์และสิ่งมีชีวิต ตามกฎหมายความปลอดภัยของสิ่งมีชีวิตเป็นครั้งแรก โดยประกาศคำสั่งห้ามชาวออสเตรเลียออกจากประเทศ นับเป็นการออกคำสั่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย
และต่อมาเมื่อวันที่ 19 มีนาคม นายมอร์ริซันประกาศคำสั่งปิดประเทศ โดยระบุว่าตั้งแต่เวลา 21.00น. ของวันที่ 20 มีนาคมเป็นต้นไป ห้ามผู้ที่มิใช่พลเมืองออสเตรเลียหรือผู้ไม่มีสิทธิ์อยู่อาศัยในออสเตรเลียถาวรเข้าประเทศ ส่วนผู้ที่เดินทางเข้ามาต้องดำเนินการกักบริเวณ 14 วันหลังเข้าประเทศ
Bo/Ping/Cai