เมื่อเร็วๆ นี้ นายไมเคิล เมลแฮม (Micheal Melham) นายกเทศมนตรีเมืองเบลเลอวิลล์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐฯกล่าวว่า เขาเชื่อว่าตนเองได้ติดโควิด-19 เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ผลการทดสอบที่ได้รับก็แสดงว่าเขามีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้กรณีผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของสหรัฐฯ ย้อนเวลาไปเกือบสองเดือนก่อนหน้า เปิดโปงการโกหกของนักการเมืองสหรัฐฯอีกครั้งเกี่ยวกับ "ข้อมูลที่โปร่งใส" ของการแพร่ระบาด

ตอนนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตของโควิด-19 ในสหรัฐฯ มีจำนวนมากที่สุดในโลก แต่นักการเมืองในวอชิงตัน มีการกระทำเชิงลบอย่างผิดปกติในการรวบรวม สรุปและประกาศข้อมูลการระบาดในประเทศ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในการปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาด เผชิญกับข้อสงสัยหลายข้อ นักการเมืองสหรัฐฯ จะหลอกโลกนานแค่ไหน

ข้อสงสัยประเด็นแรก สหรัฐอเมริกาได้ปกปิดเส้นเวลาพัฒนาการของโรคระบาดในประเทศ หลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถาม ทำให้ผู้คนทั่วไปสงสัยจุดเริ่มต้นของการระบาด และก่อนที่นายไมเคิล เมลแฮมจะประกาศกับสื่อนั้น โรเบิร์ต เรดฟีลด์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ก็ยอมรับต่อสาธารณะว่า ในช่วงไข้หวัดใหญ่เริ่มระบาดในเดือนกันยายน ปี 2019 ผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่บางรายนั้นเกิดจากโรคโควิด-19

ข้อสงสัยประเด็นที่สอง ฝ่ายสหรัฐฯเปิดเผยข้อมูลพื้นฐาน เช่น จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต อย่างหลบเลี่ยงความรุนแรงของสถานการณ์ เลือกแต่ข้อมูลที่เบา พูดจาคลุมเครือ แม้กระทั่งดำเนินการทบทวนการบริหารจัดการและตั้งแง่โจมตีผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันโรคระบาด พวกเขากำลังปกปิดอะไร

ข้อสงสัยประเด็นที่สาม รัฐบาลสหรัฐฯ ทำการปิดปากนักวิทยาศาสตร์อย่างโจ่งแจ้ง

ข้อสงสัยประเด็นที่สี่ ในฐานะเป็นประเทศที่พัฒนามากที่สุดในโลก ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาดในสหรัฐอเมริกา ทำไมจึงวุ่นวายนัก

ผู้คนได้เห็นนักการเมืองวอชิงตันปิดบังข้อมูลหลายครั้ง สร้างความสับสนให้กับงานต่อสู้โรคระบาด จุดประสงค์ก็คือ ปกปิดการไร้ความสามารถในการป้องกันการแพร่ระบาด และทำให้เข้าใจได้ว่า ทำไมสหรัฐอเมริกาที่มีระดับการแพทย์และเทคโนโลยีชั้นนำ แต่ไวรัสกลับแพร่กระจายจนนำไปสู่โศกนาฏกรรมของมนุษย์เช่นนี้

  Yim/Patt/Zdan