อุปทูตหยาง ซินเผยแพร่บทความในหนังสือพิมพ์ประเทศไทยเนื่องในโอกาสครบรอบ ๔๕ ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย

2020-07-01 11:48:30 | ไชน่ามีเดียกรุ๊ป
Share with:

เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม นายหยาง ซิน อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยเผยแพร่บทความในหัวข้อ "ฝ่าลมโต้คลื่น บุกเบิกพัฒนา ร่วมกันมุ่งไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้นของความสัมพันธ์จีน-ไทย" ในหนังสือพิมพ์ของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้

เมื่อวันที่ 1 เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2518

นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหลและนายกรัฐมนตรี ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้ลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ณ กรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการเปิดหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-ไทย 45 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งประเทศจีนและประเทศไทยต่างก็ได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามบนเส้นทางการพัฒนาของตน ความสัมพันธ์ทวิภาคีได้พัฒนาไปอย่างมั่นคงและด้วยดี ความสัมพันธ์จีน-ไทยในทุกวันนี้ มีความรอบด้าน เป็นรูปธรรมและเปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนมากยิ่งขึ้น

--รอบด้าน : ความไว้เนื้อเชื่อใจกันทางยุทธศาสตร์ลงลึก ปริมณฑลความร่วมมือกว้างขึ้น

ผู้นำทั้งสองประเทศพบปะบ่อยครั้ง มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเปิดอกเปิดใจและลึกซึ้งในประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคีและสถานการณ์โลกและภูมิภาค ให้การสนับสนุนอย่างแน่วแน่แก่กันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักของอีกฝ่าย พื้นฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-ไทยแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นและมิอาจจะทำลายได้ ในระยะเวลาอันใกล้ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ส่งสารแสดงความยินดีแด่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์ รัฐมิตราภรณ์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนแด่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นเกียรติยศสูงสุดที่จีนมอบให้ชาวต่างชาติ นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการและเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้นำประเทศไทยท่านอื่น ๆได้นำคณะไปเยือนประเทศจีนหลายครั้ง ทั้งสองฝ่ายได้มีการแลกเปลี่ยนในประเด็นเกี่ยวกับการบริหารประเทศ การบรรเทาและแก้ไขปัญหาความยากจนในเชิงลึกยิ่งขึ้น

ความร่วมมือฉันมิตรและเอื้อประโยชน์แก่กันระหว่างสองประเทศได้พัฒนาไปในทุกมิติและทุกปริมณฑล กลไกความร่วมมือได้ปรับปรุงสมบูรณ์ยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประเทศจีนและประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน ได้ร่วมกันวางแผน

ระยะยาวในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ซึ่งเป็นการทำพิมพ์เขียวสำหรับการพัฒนาอย่างมั่นคงในอนาคต การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือฉันมิตรระหว่างทั้งสองประเทศได้ครอบคลุมทุกๆด้านอาทิเช่นการเมือง เศรษฐกิจการค้า การทหาร ความมั่นคง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมและ วัฒนธรรม การศึกษา การกีฬา วรรณกรรม วิชาการและสื่อมวลชน ฯลฯ ได้สร้างพลังขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้งในการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทยต่อไป ทั้งสองประเทศมีการหารือเชิงยุทธศาสตร์อย่างเป็นประจำ ได้สร้างกลไกความร่วมมือในหลายสาขา อาทิเช่น คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การประชุมหารือเรื่องการป้องกันประเทศและความมั่นคง คณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ คณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟ การประชุมหารือระดับรัฐมนตรีว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิตอล ฯลฯ ทั้งสองฝ่ายมีการประสานงานและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดภายใต้กรอบความร่วมมือระดับภูมิภาคและระดับโลก เช่นความร่วมมือเอเชียตะวันออกและในกรอบสหประชาชาติ ร่วมกันรักษาเสถียรภาพ ความเจริญก้าวหน้าและการพัฒนาของภูมิภาคและของโลก

-- รูปธรรม: ความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์แก่กันประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ประชาชนทั้งสองประเทศได้รับประโยชน์อย่างดี

มูลค่าการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นจาก 24.62 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงที่พึ่งสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต เป็น 91,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี พ.ศ. 2562 เพิ่มขึ้น 3700 กว่าเท่า จีนเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยติดต่อกันมา 7 ปี และขึ้นเป็นแหล่งการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของไทยเมื่อปี พ.ศ. 2562 ขณะเดียวกัน ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 3 ของจีนในประเทศอาเซียน การก่อสร้างรถไฟจีน–ไทยคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เมื่อสร้างเสร็จและเริ่มเดินรถ จะทำให้ความปรารถนาดีของประเทศและประชาชนในภูมิภาคในรถไฟแพนเอเชียกลายเป็นความจริง บริษัทจีน 100 กว่าบริษัทเข้ามาลงทุนสร้างโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมไทย-จีนระยอง เป็นประโยชน์ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาของเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงานในท้องถิ่น ทั้งสองประเทศได้สร้างบ้านพี่เมืองน้องขึ้นมา 39 คู่ การแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประเทศจีนเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของไทย นักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยทะลุ 10 ล้านคนติดต่อกัน 2 ปี ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันจัดตั้งสถาบันขงจื่อ 16 แห่งและห้องเรียนขงจื่อ 11 แห่งในประเทศไทย มีครูอาสาสมัครภาษาจีนเกือบ 1,500 คนเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมจีนในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ. 2562 มีนักเรียน นักศึกษาจีนจำนวน 36,000 คนศึกษาในประเทศไทย นักเรียนไทย 28,000 คนไปศึกษาที่ประเทศจีน ความเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างคนรุ่นใหม่ของทั้งสองประเทศได้เพิ่มมากขึ้น ศูนย์นวัตกรรมและความร่วมมือ สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (กรุงเทพ) ได้เปิดดำเนินการอย่างสำเร็จ สถาบันศิลปกรรมศาสตร์นาน จิง ได้ร่วมมือและแลกเปลี่ยนกับสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาอย่างมีชีวิตชีวา ละครโทรทัศน์ของไทยเป็นที่นิยมในประเทศจีน ภาพยนตร์จีน ละครโทรทัศน์และวรรณกรรมออนไลน์ของจีนเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นไทย พื้นฐานความสัมพันธ์จีน-ไทยในภาคสังคมและเอกชนมั่นคงยิ่งขึ้นทุกวัน

--เปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อน: มองไปข้างหน้าในการพัฒนาความสัมพันธ์สองประเทศ อัดฉีดพลังขับเคลื่อนและเนื้อหาแห่งยุคสมัย

ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบที่จะเชื่อมต่อยุทธศาสตร์การพัฒนา ให้"สายแถบและเส้นทาง" เชื่อมต่อกับประเทศไทย 4.0 "เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก" เพื่อให้มีการเสริมข้อได้เปรียบซึ่งกันและกัน และส่งเสริมความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ บริษัทจีนที่มีศักยภาพสูงและมีความคิดทันสมัย เช่น Huawei, Alibaba, JD.com ฯลฯ ได้ร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของไทยในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล ปัญญาประดิษฐ์ โลจิสติกส์ทันสมัย การสื่อสาร 5G และอุตสาหกรรมอนาคตสาขาอื่นๆของประเทศไทย เพื่อเพิ่มพูนพลังขับเคลื่อนให้ความร่วมมือจีน-ไทยพัฒนาไปอย่างมีประสิทธิภาพและอย่างยั่งยืน เมื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 100 ปี ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นในการรักษาระบบพหุภาคีนิยมและการค้าเสรี ร่วมกันผลักดันในการสร้างระบบการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างประเทศใหม่ที่เที่ยงธรรมและชอบด้วยเหตุผล ซึ่งจะสะท้อนเจตนารมณ์และผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนทุกประเทศ และก็จะสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการจากการพัฒนาของประวัติศาสตร์และความก้าวหน้าของยุคสมัย

ปีนี้ โควิด-19 แพร่ระบาดในทั่วโลก ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์และความมั่นคงด้านสาธารณสุขของโลก เมื่อเผชิญกับความท้าทายที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ จีนและไทยได้ร่วมแรงร่วมใจและคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึงก็เป็นคำอธิบายสำหรับมิตรไมตรีอันจริงใจที่เป็น"จีนและไทยพี่น้องกัน" และจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่สำหรับประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชสาส์นแสดงความห่วงใยไปยังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทรงยกย่องมาตรการในการต่อสู้กับโรคระบาดของจีน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำปราศรัยผ่านโทรทัศน์ ส่งกำลังใจให้ประเทศจีนและทั่วโลก ทุกภาคส่วนของสังคมไทยได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ บริจาคเวชภัณฑ์จำนวนมากให้ประเทศจีนในเวลาอันสั้นๆ ประเทศจีนยึดมั่นในคุณธรรมสมัยโบราณที่เชื่อว่าบุญคุณต้องทดแทน ในขณะที่สถานการณ์ในไทยรุนแรงขึ้น จีนได้ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยการแบ่งปันข้อมูลอย่างทันท่วงที หารือแผนการป้องกันและรักษา และร่วมกันพัฒนาวัคซีน รัฐบาล วิสาหกิจ องค์การมิตรภาพและภาคเอกชนของประเทศจีนได้บริจาคเวชภัณฑ์ให้กับประเทศไทยหลายครั้ง เพื่อเป็นการสนับสนุนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาด สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยมีความห่วงใยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทย ได้ตั้ง "ตู้ปันสุข" เพื่อจัดหาสิ่งของจำเป็นให้กับพี่น้องคนไทยขณะเดียวกัน ความร่วมมือรูปธรรมระหว่างจีนและไทยกลับเพิ่มมากขึ้นภายใต้แรงกดดันจากโรคระบาด มูลค่าการนำเข้าและส่งออกตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 8.1% ในไตรมาสแรกการส่งออกทุเรียนไปประเทศจีนคิดเป็น 66.94%ของการส่งออกทุเรียนทั้งหมดของไทย ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่า ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้รับบทพิสูจน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใกล้ชิดยิ่งขึ้นและมั่นคงมิอาจจะทำลายได้ ความร่วมมือจีน-ไทยได้ผ่านการทดสอบจากการระบาดของโควิด-19 มีพลังและเหนียวแน่นยิ่งขึ้น

เมื่อมองกลับไปใน 45 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การชี้นำและนำพาจากผู้นำทุกสมัยของจีนและไทย ด้วยความพยายามร่วมกันของประชาชนของทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์รจีน-ไทยได้หว่านพืช ผลิใบ เติบโตงอกงาม เมื่อมองไปข้างหน้า ความร่วมมือจีน-ไทยที่รอบด้าน มีระดับสูงและปริมณฑลกว้างและอย่างลึกซึ้งนั้น ย่อมมีอนาคตที่สดใส มีพลังขับเคลื่อนอย่างแรง และมีผลลัพธ์ที่คาดหวังกันได้

เมื่อมาอยู่ที่จุดเริ่มต้นใหม่ทางประวัติศาสตร์ เรามิอาจประมาทหรือลดความพยายาม ควรรักษาสัมพันธภาพอันดีระหว่างกันทิ่ไม่ได้ได้มาอย่างง่ายๆ ใช้โอกาสทางประวัติศาสตร์ให้เป็นประโยชน์ ร่วมกันเป็นญาติที่เอาใจใส่ซึ่งกันและกัน เป็นเพื่อนมิตรที่รู้ใจและสนิทกัน เป็นเพื่อนบ้านที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และก็เป็นหุ้นส่วนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน

เราควรให้การชี้นำของผู้นำแสดงบทบาทหลัก กระชับการไปมาหาสู่ระหว่างกันในทุกๆระดับ ใช้ประโยชน์จากกลไกหารือที่มีอยู่ในปัจจุบันให้ดี เสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการปฏิบัติในการบริหารประเทศและแก้ใขปัญหายากจน เพื่อเป็นหลักประกันที่มั่นคงในการเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันและขยายความร่วมมือ เชื่อมต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและพิถีพิถัน ขยายความร่วมมือและเน้นการปฏิบัติจริง ร่วมกันพัฒนา "สายแถบและเส้นทาง" ที่มีคุณภาพสูง สร้างจุดเติบโตใหม่ทางด้านนวัตกรรมและเศรษฐกิจดิจิตอลอย่างแข็งขัน เพื่อสร้างผลงานความร่วมมือในเชิงรูปธรรมที่สัมผัสได้ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างคลังสมอง สื่อมวลชน คณะศิลปวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศ ให้คนรุ่นใหม่เพิ่มการแลกเปลี่ยนและไปมาหาสู่กัน พัฒนาศักยภาพความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ขยายความร่วมมือทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี อารอบรมอาชีพและสาธารณสุข ร่วมกันส่งเสริมความร่วมมือจีน–อาเซียน ยกระดับความร่วมมือแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ร่วมกันพิทักษ์รักษาหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและระบบการค้าพหุภาคีปัจจุบัน ร่วมกันออกเสียงอันหนักแน่นในการคัดค้านการกีดกันทางการค้าและลัทธิการการกลั่นแกล้ง ร่วมกันรับมือกับความท้าทายระดับโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การก่อการร้าย ฯลฯ ร่วมกันปฏิบัติตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่และสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมวลมนุษยชาติ

น้ำขึ้นเทียบฟากฝั่ง เรือแล่นไปตามลมอย่างราบรื่น ความสัมพันธ์จีน-ไทยที่ยั่งยืน มีพลัง มั่นคงและเป็นประโยชน์แก่กันนั้นเป็นกระแสหลักและความปรารถนาของประชาชน ความความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างจีน-ไทยย่อมจะพัฒนาก้าวหน้าต่อไป ผลสำเร็จอันสมบูรณ์จากความร่วมมือจีน-ไทยย่อมจะสร้างความผาสุกแก่ประชาชนทั้งสองประเทศ และเพิ่มพลังในการรักษาเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง

ขอให้เราฝ่าลมโต้คลื่น บุกเบิกพัฒนา ร่วมกันมุ่งไปสู่อนาคตที่รุ่งโรจน์ยิ่งขึ้นของความสัมพันธ์จีน-ไทย

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

郑元萍